เอเอฟพี – ขณะที่เปียงยางกำลังถูกกัดดันเรื่องประวัติสิทธิมนุษยชน คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือได้ไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่ง ซึ่งอุทิศให้กับสิ่งที่พวกเขาอ้างว่าเป็นความชั่วร้ายโดยกองทัพสหรัฐฯในช่วงสงครามเกาหลี สื่อทางการรายงานวันนี้ (25)
สำนักข่าว เคซีเอ็นเอ ของทางการ รายงานว่า การเยือนพิพิธภัณฑ์ “ Sinchon Museum of United States War Atrocities” ครั้งนี้มีเป้าประสงค์เพื่อกระตุ้นให้ทั่วประเทศลุกขึ้น “ดิ้นรนต่อต้านสหรัฐฯอย่างเต็มกำลัง”
การเยือนครั้งนี้มีขึ้นหนึ่งสัปดาห์หลังจากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) รับรองมติที่เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงเรียกตัวคณะผู้นำเกาหลีเหนือมาขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) เพื่อซักถามเรื่องข้อกล่าวหาการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
เปียงยางใช้ช่องทางการทูตอันจำกัดของตนทุกทางเพื่อขัดขวางมตินี้ ซึ่งพวกเขาประณามว่าเป็น “กลโกง” ทางการเมืองที่มีสหรัฐฯอยู่เบื้องหลัง
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ที่ คิม ไปเยือนเป็นอนุสรณ์ถึงสิ่งที่เกาหลีเหนือระบุว่าเป็นการฆาตกรรมพลเรือนราว 35,000 คนในเทศมณฑลซินชอนโดยฝีมือกองทัพสหรัฐฯเมื่อช่วงปลายปี 1950 หรือช่วงเริ่มต้นสงครามเกาหลี
“การสังหารหมู่ที่ผู้รุกรานจักรวรรดินิยมสหรัฐฯก่อในซินชอนเผยให้เห็นว่าพวกเขาเป็นพวกกินเนื้อคนที่ใฝ่หาความสำราญจากการเข่นฆ่าอย่างทารุณ” เคซีเอ็นเอ รายงานโดยอ้างจากคำพูดของ คิม
โรดอง ซินมุน หนังสือพิมพ์กระบอกเสียงของพรรครัฐบาล ลงหน้าหนึ่งเป็นภาพ คิม กำลังพูดคุยกับเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์อยู่หน้ากำแพงที่มีรูปภาพเหยื่อและสโลแกนว่า “พวกจักรวรรดินิยมสหรัฐฯสังหารหมู่ประชาชน 35,383 คน”
เชื่อกันว่านี่เป็นการเยือนพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ครั้งแรกของ คิม นับตั้งแต่เขาก้าวขึ้นสู่อำนาจภายหลังการอสัญกรรมของ คิม จองอิล ผู้เป็นพ่อ เมื่อเดือนธันวาคมปี 2011
มติดังกล่าวที่ได้รับการรับรองเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอ้างไปถึงผลการสอบสวนของยูเอ็นความยาว 400 หน้ากระดาษ ซึ่งมีการสรุปเมื่อกุมภาพันธ์ว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ชนิดที่ “ไม่มีชาติใดเปรียบได้โลกยุคใหม่”
คณะผู้ตรวจสอบยูเอ็นใช้เวลานาน 1 ปีเพื่อสอบถามข้อมูลจากผู้ลี้ภัย และได้บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับ “ค่ายกักกัน” ที่มีนักโทษราว 120,000 คนถูกทรมาน สังหารหมู่ และข่มขืน
ซิน โซ โฮ ผู้แทนเกาหลีเหนือ เอ่ยเตือนถึงผลกระทบที่กว้างขวางของมติดังกล่าว และยังประกาศกร้าวว่า เปียงยาง “จะเดินหน้าทดสอบนิวเคลียร์ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง”
“ผู้ที่ร่างและสนับสนุนร่างมติประณามเกาหลีเหนือจะต้องรับผิดชอบต่อผลที่ตามมาทุกๆ อย่าง เพราะโอกาสและเงื่อนไขของความร่วมมือด้านสิทธิมนุษยชนถูกทำลายลงด้วยมือพวกเขาเอง”
ทั้งนี้ ยังไม่แน่ว่าคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นจะตัดสินใจยื่นฟ้องเกาหลีเหนือต่อศาลไอซีซีหรือไม่ แต่หากเป็นเช่นนั้นจริง มหามิตรของเปียงยางอย่างจีนและรัสเซีย คงจะใช้สิทธิ์ “วีโต” อย่างไม่ต้องสงสัย