เอเอฟพี – คณะกรรมการสิทธิมนุษชนแห่งสมัชชาใหญ่สหประชาชาติลงมติประณามการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือ เมื่อวานนี้(18) ซึ่งถือกระบวนการขั้นต้นที่อาจนำไปสู่การเอาผิดกับรัฐบาลโสมแดงฐานก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ
ร่างมติซึ่งเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติยื่นฟ้องเกาหลีเหนือต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ ( ไอซีซี) ได้รับการโหวตเห็นชอบด้วยคะแนน 111 ต่อ 19 เสียง โดยมี 55 ประเทศที่งดออกเสียง
ผู้แทนเกาหลีเหนือแสดงท่าทีไม่พอใจอย่างยิ่ง และประกาศจะยกเลิกการเจรจาฟื้นฟูสิทธิมนุษยชนกับสหภาพยุโรป ซึ่งได้ร่วมกับญี่ปุ่นจัดเตรียมร่างมตินี้ขึ้น
ร่างมติซึ่งไม่มีผลผูกพันใดๆ ทางกฎหมายจะถูกส่งต่อไปยังที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเพื่อทำการโหวตในเดือนหน้า
ทั้งนี้ ยังไม่แน่ว่าคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นจะตัดสินใจยื่นฟ้องเกาหลีเหนือต่อศาลไอซีซีหรือไม่ แต่หากเป็นเช่นนั้นจริง มหามิตรของเปียงยางอย่างจีนและรัสเซีย คงจะใช้สิทธิ์ “วีโต” อย่างไม่ต้องสงสัย
ทั้งจีนและรัสเซียต่างโหวตคัดค้านมติประณามเกาหลีเหนือ รวมถึงคิวบา, อิหร่าน, ซีเรีย, เบลารุส, เวเนซุเอลา, อุซเบกิสถาน และซูดาน ซึ่งอ้างว่ามาตรการเช่นนี้ไม่เป็นธรรมต่อเปียงยาง
อย่างไรก็ดี ข้อเสนอของคิวบาที่ให้แก้เนื้อความส่วนที่ขอให้คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นพิจารณาส่งฟ้องเกาหลีเหนือต่อไอซีซี ไม่ได้รับการตอบสนองจากที่ประชุม
ร่างมตินี้อ้างไปถึงผลการสอบสวนของยูเอ็นความยาว 400 หน้ากระดาษที่เผยแพร่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งระบุว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ชนิดที่ “ไม่มีชาติใดเปรียบได้โลกยุคใหม่”
คณะผู้ตรวจสอบยูเอ็นใช้เวลานาน 1 ปีเพื่อสอบถามข้อมูลจากผู้ลี้ภัย และได้บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับ “ค่ายกักกัน” ที่มีนักโทษราว 120,000 คนถูกทรมาน สังหารหมู่ และข่มขืน
ไมเคิล เคอร์บีย์ ผู้พิพากษาชาวออสเตรเลียซึ่งเป็นหัวหน้าคณะผู้ตรวจสอบ ชี้ว่า การละเมิดสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือถือว่าเข้าข่ายอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ซึ่งผู้ที่จะต้องรับผิดชอบก็คือ คณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของโสมแดง
ซิน โซ โฮ ผู้แทนเกาหลีเหนือ เอ่ยเตือนถึงผลกระทบที่กว้างขวางของมติประณาม และยังประกาศกร้าวว่า เปียงยาง “จะเดินหน้าทดสอบนิวเคลียร์ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง”
“ผู้ที่ร่างและสนับสนุนร่างมติประณามเกาหลีเหนือจะต้องรับผิดชอบต่อผลที่ตามมาทุกๆ อย่าง เพราะโอกาสและเงื่อนไขของความร่วมมือด้านสิทธิมนุษยชนถูกทำลายลงด้วยมือพวกเขาเอง”
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน เกาหลีเหนือได้ส่ง โช รยอง-แฮ มือขวาคนสนิทของผู้นำ คิม จองอึน ไปเป็นทูตพิเศษเข้าพบประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ที่กรุงมอสโก เพื่อขอให้รัสเซียใช้สิทธิ์ความเป็นสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นคัดค้านร่างมติที่จะเป็นภัยต่อเกาหลีเหนือ
องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนต่างชื่นชมผลการลงมติของยูเอ็น โดยหลายคนมองว่ามตินี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นทั้ง 15 ชาติไม่อาจเพิกเฉย และต้องติดตามเอาผิดกับรัฐบาลเกาหลีเหนือให้ได้ต่อไป
ยูเอ็น วอตช์ (UN Watch) ซึ่งเป็นกลุ่มเอ็นจีโอที่มีฐานอยู่ ณ นครเจนีวา ได้อ้างคำพูดของ อันห์ มยอง ชอล ผู้ลี้ภัยเกาหลีเหนือคนหนึ่ง ซึ่งชี้ว่า ร่างมติประณามจะส่งผลกระทบต่อเกาหลีเหนือแน่นอน “อย่างน้อยก็ทำให้พลเมืองที่นั่นได้รับรู้ว่า ผู้นำของพวกเขาคืออาชญากร”
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าร่างมติประณามเกาหลีเหนือครั้งนี้ไม่ได้เอ่ยชื่อผู้นำ คิม จองอึน ตรงๆ เพียงแต่อ้างผลการตรวจสอบของยูเอ็นที่ระบุว่า “คณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของโสมแดง” ต้องรับผิดชอบต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้น