เอเอฟพี - กองทัพโคลอมเบียตัดสินใจหยุดปฏิบัติการในภาคตะวันออกของประเทศ เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อการปล่อยตัวทหาร 2 นายที่ถูกกลุ่มกำลังปฏิวัติ “ฟาร์ก” จับตัวเอาไว้
ก่อนหน้านี้ กลุ่มกบฏฟาร์กได้เคยเตือนว่า การเพิ่มปฏิบัติการทางทหารของกองทัพโคลอมเบียในพื้นที่ดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อการปล่อยตัวทหาร 2 นายที่ถูกจับไว้เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน รวมถึงการจับพลเอกพร้อมกับคนอื่นๆ อีก 2 คนเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน
กระทรวงกลาโหมโคลอมเบียระบุว่า เพื่อให้สอดคล้องกับข้อตกลง รัฐบาลได้ระงับปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ภาคตะวันออก อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้รับข้อมูลรายละเอียดว่าจะมีการส่งมอบตัวทหารทั้ง 2 นายที่ไหน
กำหนดการปล่อยตัวครั้งนี้จะมีขึ้นในวันอังคาร (25 พ.ย.) ภายใต้ข้อตกลงที่ทำร่วมกันระหว่างรัฐบาลและกองกำลังปฏิวัติฟาร์ก ส่วนการปล่อยตัวพลเอกที่โดนจับไว้จะมีขึ้นตามมาทีหลัง
ประธานาธิบดีโคลอมเบีย ฮวน มานูเอล ซานโตส ได้กำหนดให้การปล่อยตัวประกันคือหนึ่งในเงื่อนไขของการกลับมาเจรจาสันติภาพอีกครั้ง หลังจากที่เขาตัดสินใจหยุดเจรจาตอนที่มีพลเอกโดนจับตัวไป
กองกำลังปฏิวัติติดอาวุธแห่งโคลอมเบีย (ฟาร์ก) ได้เตือนไว้เมื่อวันอาทิตย์ (23 พ.ย.) ว่าพวกเขาอาจจะไม่ปล่อยตัวเชลย เพราะมีปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่โชโก ซึ่งเป็นเขตที่ พล.อ.รูเบน อัลซาเต โดนจับตัวไป
ทั้งนี้ โคลอมเบียได้ใช้ปฏิบัติการทางทหาร โดยมีกำลังพลที่ถูกจัดส่งลงไปในพื้นที่ พร้อมอากาศยานที่ออกบินตรวจตราอยู่ในละแวกนั้น รวมถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยที่จำกัดการเคลื่อนไหวต่างๆ
“ตราบใดที่กองทัพยังคงส่งกำลังพลเข้ามาในพื้นที่ป่าแถบนี้ พลเอกอัลซาเตและนายทหารคนอื่นๆ จะไม่ได้รับการปล่อยตัว” คำแถลงของกองกำลังฟาร์กระบุ
ด้านกระทรวงกลาโหมยืนกรานว่า ไม่ได้ส่งกำลังพลเข้าไปปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือเชลย ที่เห็นทั้งหมดนั้นล้วนถูกส่งเข้าไปคุ้มกันชาวบ้าน
พล.อ.อัลซาเต ถูกลักพาตัวไปเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ในพื้นที่เขตโชโกที่ห่างไกล เขาถูกส่งเข้าไปเจรจาสันติภาพ เพื่อยุติการก่อความไม่สงบที่เกิดขึ้นมายาวนานในละตินอเมริกา ที่คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 220,000 รายตลอดช่วงระยะเวลา 50 ปี