เอเจนซีส์ - ทางการฮ่องกงเริ่มรื้อสิ่งกีดขวางออกจากสถานที่ชุมนุมแห่งหนึ่ง ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นการใช้ไม้ตายสุดท้ายในการทวงคืนพื้นที่สาธารณะโดยอาศัยคำสั่งศาลกรุยทาง ขณะที่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า แกนนำการประท้วงมีแผนดำเนินการอย่างไรต่อไป มิหนำซ้ำโพลล่าสุดยังพบว่าเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสองเดือนที่จำนวนผู้คัดค้านการประท้วงมีมากกว่าผู้สนับสนุน
ในวันอังคาร (18 พ.ย.) พนักงานรื้อถอนได้จัดการตัดสายรัดพลาสติกที่มัดเครื่องกีดขวางโลหะ ซึ่งตั้งขวางกั้นบริเวณหน้าอาคารสำนักงาน “ซิติกทาวเวอร์” ในย่านแอดมิรัลตี ใกล้ๆ กับอาคารศูนย์ราชการของฮ่องกง และขนขึ้นรถบรรทุกที่จอดรออยู่ ขณะที่กลุ่มผู้ประท้วงที่นำโดยนักศึกษา ไม่ได้ขัดขวางแต่อย่างใด มิหนำซ้ำหลายคนยังขนย้ายเต็นท์ที่พักของพวกเขาไปยังพื้นที่ชุมนุมอื่น ก่อนปฏิบัติการรื้อถอนจะเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางการสังเกตการณ์ของตำรวจศาล ตำรวจ และผู้สื่อข่าวหลายสิบคน
อย่างไรก็ตาม ได้เกิดการโต้เถียงช่วงสั้นๆ เมื่อพนักงานรื้อถอนรั้วออกจากวงเวียนในละแวกใกล้เคียงไปด้วย ทำให้ผู้ประท้วงตะโกนห้าม โดยโต้แย้งว่าบริเวณดังกล่าวในคำสั่งศาลไม่ได้ครอบคลุมถึง
ผู้ประท้วงเหล่านี้จัดการปักหลักชุมนุมมาตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน เพื่อแสดงการคัดค้านข้อกำหนดของทางการจีน ที่แม้ยอมให้ประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงทำการเลือกตั้งผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกงครั้งต่อไปในปี 2017 แทนที่จะให้คณะผู้แทนจำนวนน้อยป็นผู้ใช้สิทธิ แต่ก็ยืนกรานว่าต้องมีคณะบุคคลชุดหนึ่งทำหน้าที่คัดกรองผู้ที่สามารถลงสมัครชิงตำแหน่งได้
แกนนำนักศึกษาที่มีบทบาทสำคัญในการจัดการชุมนุมบนถนนคราวนี้ แสดงความจำนงขอพบผู้นำอาวุโสของจีน อีกทั้งพยายามจัดส่งผู้นำ 3 คนบินไปปักกิ่งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (15) ทว่าก็อย่างที่ฝ่ายต่างๆ คาดหมายกันไว้ก่อนแล้ว พวกเขากลับถูกห้ามขึ้นเครื่องเนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าสู่แผ่นดินใหญ่
ทั้งนี้ ทางการจีนยืนยันมาโดยตลอดว่าไว้วางใจให้คณะบริหารของฮ่องกงเป็นผู้จัดการแก้ไขปัญหาคราวนี้ ขณะที่พวกนักศึกษาซึ่งเข้าเจรจาอย่างเป็นทางการกับฝ่ายบริหารฮ่องกงมายกหนึ่งแล้ว แสดงท่าทีว่าไม่ปรารถนาที่จะพูดคุยด้วยอีก เพราะระดับท้องถิ่นไม่ได้มีอำนาจที่จะทำตามข้อเรียกร้องของพวกเขาได้ กระนั้นก็ตาม ในเวลานี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า เหล่านักศึกษามีแผนประการใดต่อไป
ผู้ประท้วงหลายคนสงสัยว่า ทางการกำลังจะใช้คำสั่งศาลเป็นไม้ตายสุดท้ายในการเคลียร์พื้นที่ชุมนุม หลังจากความพยายามก่อนหน้านี้ด้วยวิธีการอื่นๆ ล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นการจู่โจมของตำรวจเพื่อทำลายสิ่งกีดขวางในช่วงเช้ามืด ที่ยิ่งทำให้ประชาชนออกจากบ้านมาชุมนุมมากขึ้น
ต่อมาชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งที่บางคนสงสัยว่าเป็นสมาชิกแก๊งอั้งยี่มาเฟียเข้าไปก่อกวนและปะทะกับผู้ประท้วงระหว่างพยายามรื้อสิ่งกีดขวาง
สำหรับการรื้อสิ่งกีดขวางครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ซิติก กลุ่มกิจการของรัฐบาลจีนซึ่งเป็นเจ้าของอาคาร ยื่นคำร้องและศาลมีคำสั่งให้ผู้ประท้วงยุติการกีดขวางทางเข้าออกและการสัญจรบริเวณหน้าอาคาร ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับศูนย์ราชการฮ่องกงที่ถูกผู้ประท้วงชุมนุมโอบล้อมอยู่
นอกจากนี้ ศาลยังมีคำสั่งให้ผู้ชุมนุมย้ายออกจากจุดชุมนุมอีกจุดหนึ่งที่ย่านมงก๊อกของฝั่งเกาลูน ตามที่กลุ่มคนขับแท็กซี่และผู้ดำเนินการรถมินิบัสร้องเรียน อย่างไรก็ดี สำหรับสถานที่ชุมนุมจุดที่ 3 ในคอสเวย์เบย์ ซึ่งเป็นย่านชอปปิ้งนั้น ยังไม่มีคำสั่งจากศาลให้คืนพื้นที่สาธารณะแต่อย่างใด
เมื่อคืนวันจันทร์ (17) ตำรวจฮ่องกงได้ประกาศว่าจะใช้ “มาตรการเด็ดขาด” กับผู้ที่ขัดขวางการรื้อถอนสิ่งกีดขวางรอบอาคารซิติก โดยระบุว่า บุคคลเหล่านั้นจะถูกดำเนินคดีในข้อหาอาญาโทษฐานละเมิดคำสั่งศาล
ขณะเดียวกัน ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดที่เผยแพร่ออกมาในวันจันทร์ (17) ตอกย้ำว่า แรงสนับสนุนการประท้วงกำลังแผ่วลงอย่างมาก โดยโพลที่จัดทำโดยมหาวิทยาลัยจีนในฮ่องกง ซึ่งสอบถามความคิดเห็นชาวฮ่องกงระหว่างวันที่ 5-11 ที่ผ่านมา พบว่า จำนวนคนที่คัดค้านการเคลื่อนไหวของกลุ่มอ็อกคิวพาย เซ็นทรัล มีมากกว่าคนสนับสนุน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับจากที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ทำการสำรวจเมื่อเดือนกันยายนเป็นต้นมา
โพลยังระบุว่า ผู้ตอบแบบสอบถามราว 67% เห็นว่า ผู้ประท้วงควรแยกย้ายกลับบ้าน
ด้านเหลียง ชุนอิง ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงออกคำแถลงว่า ขณะนี้เป็นที่ชัดเจนว่า กลุ่มคนที่ยึดพื้นที่สาธารณะเพื่อประท้วงนั้น กำลังละเมิดกฎหมายฮ่องกง
วันเดียวกันนั้น ฮิวโก สไวร์ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศอังกฤษได้ทำหนังสือชี้แจงต่อรัฐสภาว่า ใบอนุญาตส่งออกแก๊สน้ำตาให้ฮ่องกงฉบับปัจจุบัน ไม่มีส่วนใดขัดต่อกฎหมายควบคุมการส่งออกอาวุธ จึงไม่จำเป็นต้องเพิกถอน และสำทับว่ารัฐบาลไม่สามารถตรวจยืนยันภาพที่อ้างว่า แก๊สน้ำตาที่ตำรวจฮ่องกงยิงใส่ผู้ประท้วงฮ่องกงในช่วงก่อนหน้านี้เป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทอังกฤษ