สถานการณ์ “ฮ่องกง” ไร้วี่แววทางออก ปะทะไม่หยุดแม้ รบ.กำหนดวันหารือ

เอเจนซีส์ - ตำรวจกับผู้ประท้วงฮ่องกงปะทะกันอีกครั้งในช่วงก่อนรุ่งสางวันอาทิตย์ (19 ต.ค.) ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บนับสิบ ถึงแม้ทางการนัดหมายเปิดเจรจากับนักศึกษาในวันอังคาร (21) แล้วก็ตาม จึงเป็นการตอกย้ำให้เห็นทางตัน ในการเผชิญหน้ากันระหว่างรัฐบาลเขตบริหารพิเศษของจีนแห่งนี้ซึ่งมีทางเลือกอันจำกัด กับขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยที่ดูเหมือนพร้อมเผชิญหน้ากับตำรวจมากขึ้น

วิกฤตการเมืองครั้งร้ายแรงที่สุดนับจากอังกฤษส่งมอบฮ่องกงคืนกลับให้จีนในปี 1997 กำลังย่างเข้าสู่สัปดาห์ที่ 4 โดยยังไม่มีวี่แววทางออก แม้รัฐบาลเขตปกครองพิเศษฮ่องกง กำหนดหารือเพื่อปฏิรูปรัฐธรรมนูญ กับแกนนำนักศึกษาเป็นเวลา 2 ชั่วโมงในช่วงบ่ายวันอังคารที่จะถึงก็ตาม ทั้งนี้ปักกิ่งส่งสัญญาณผ่านผู้นำฮ่องกงว่า จะไม่ยอมกลับลำการตัดสินใจ ซึ่งปฏิเสธข้อเรียกร้องของผู้ประท้วงที่จะให้ฮ่องกงมีประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ

ข้อเรียกร้องของผู้ประท้วงที่นำโดยกลุ่มนักศึกษานั้น มีด้วยกัน 2 ข้อ คือ ในการเลือกตั้งผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงครั้งต่อไปในปี 2017 นอกจากเป็นไปตามข้อเสนอของปักกิ่ง ซึ่งจะยอมให้ใช้กระบวนการเลือกตั้งที่ผู้มีสิทธิออกเสียงทุกคนได้หย่อนบัตรเลือกผู้สมัครโดยตรง แทนที่จะเป็นการเลือกโดยคณะผู้แทนชุดหนึ่งอย่างในครั้งก่อนๆ แล้ว ผู้ประท้วงยังเรียกร้องให้การลงสมัครเป็นไปอย่างเปิดกว้างด้วย ไม่ใช่อย่างที่ปักกิ่งต้องการซึ่งจะให้มีคณะกรรมการชุดหนึ่งคอยกลั่นกรองผู้ที่จะลงแข่งขันได้ชั้นหนึ่งก่อน

สำหรับข้อเรียกร้องอีกข้อหนึ่ง คือ ต้องการให้เหลียง ชุนอิง ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงคนปัจจุบันออกจากตำแหน่ง

ศาสตราจารย์ซอนนี โล จาก สถาบันศึกษาศาสตร์ ในฮ่องกง แสดงความกังวลว่า สถานการณ์อาจเลวร้ายลงและเกิดความรุนแรง หากการเจรจาในวันอังคารปราศจากความคืบหน้าเป็นรูปธรรมใดๆ

ทั้งนี้ ตำรวจฮ่องกง 28,000 นายพยายามควบคุมการเคลื่อนไหวที่นำโดยนักศึกษา ซึ่งยังไม่มีวี่แววว่าจะยอมอ่อนข้อลง แม้เผชิญหน้ากันมาถึง 3 สัปดาห์แล้ว โดยมีรายงานว่า มีการปะทะระหว่างผู้ประท้วงและนักศึกษาต่อเนื่องแทบทุกคืนตั้งแต่คืนวันศุกร์ (17)

ล่าสุด ในช่วงเช้ามืดวันอาทิตย์ ผู้ประท้วงในเขตมองก๊อก ซึ่งสวมหมวกและแว่นตานิรภัย ได้ดาหน้าเข้ารื้อสิ่งกีดขวางที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อป้องกันการยึดพื้นที่ถนนเป็นที่ชุมนุม ตำรวจนับร้อยคนจึงกรูกันเข้าไป และผลักดันกลุ่มผู้ประท้วงซึ่งพยายามกางร่มเป็นกำแพงป้องกันสเปรย์พริกไทยของฝ่ายตำรวจ โดยที่ตำรวจได้ใช้กระบองตี จนผู้ประท้วงต้องถอยร่นกลับออกไป

นักเคลื่อนไหวหลายคนถูกตีด้วยกระบองจนศรีษะแตก มีเลือดอาบตามตัวและเสื้อผ้า ผู้เห็นเหตุการณ์เผยว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บนับสิบ และผู้ประท้วง 22 คนถูกจับกุม

พอล รีโนฟ ตำรวจอาวุโสในพื้นที่เกิดเหตุบอกว่า กำลังตำรวจ 400-500 คนผลักดันผู้ประท้วงถอยร่นจากตำแหน่งเดิมที่อยู่ใกล้กับสี่แยกราว 20 เมตร

การปะทะครั้งล่าสุดเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่เหลียงกำหนดการหารือกับแกนนำนักศึกษาในวันอังคาร โดยแต่ละฝ่ายจะส่งตัวแทนเข้าร่วม 5 คน และมีการถ่ายทอดสดทางทีวีด้วย

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเหลียงอยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เนื่องจากไม่มีอำนาจหรือไม่สามารถที่จะประนีประนอมได้ เพราะปักกิ่งเกรงว่าอาจทำให้กระแสเรียกร้องประชาธิปไตยลุกลามไปถึงแผ่นดินใหญ่ แต่หากเลือกใช้กำลังก็อาจเป็นการเชิญชวนให้ชาวฮ่องกงหันไปสนับสนุนผู้ประท้วงมากขึ้น

ไหล ถัง-กว็อก รัฐมนตรีความมั่นคงของฮ่องกง กล่าวว่า การปะทะในบางครั้งในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เกิดจากนักเคลื่อนไหวที่มีสายสัมพันธ์กับขบวนการหัวรุนแรงที่สมคบคิด วางแผน และยั่วยุให้เกิดความรุนแรง

ด้านผู้บัญชาการตำรวจฮ่องกง แอนดี้ เจิง ออกมาแถลงข่าวเมื่อวันเสาร์ ซึ่งเป็นการแถลงครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ โดยเขากล่าวว่าทั้งๆ ที่ตำรวจได้พยายามอดทนอดกลั้นอย่างที่สุดแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งไม่ให้ผู้ประท้วงเปลี่ยนไปเลือกการใช้ความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ได้

ทางฝ่ายผู้ประท้วงในมองก๊อก ซึ่งใช้เวลากลางวันวันอาทิตย์พักผ่อน ต่างยังคงมีท่าทีท้าทาย และแสดงความโกรธเกรี้ยวที่ทางรัฐบาลฮ่องกงกำลังวาดภาพลักษณ์การประท้วงเรียกร้องของพวกเขาว่า กำลังเป็นไปในทางสุดโต่งและรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

นอกจากที่เขตมองก๊อก ซึ่งอยู่ทางฝั่งเกาลูน แล้ว ยังมีผู้ประท้วงราว 1,000 คนตั้งเต็นท์ชุมนุมกันอยู่ที่ตัวเกาะฮ่องกง บนพื้นถนนใหญ่ขนาด 8 เลน ใกล้ๆ กับศูนย์ราชการฮ่องกง

ขณะเดียวกัน สถานการณ์ในฮ่องกงเป็นหนึ่งในประเด็นหารือระหว่างจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กับหยาง เจียฉี มนตรีแห่งรัฐของจีน ที่เมืองบอสตัน, สหรัฐฯ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้บุคคลทั้งสองพบปะกันเพื่อเตรียมการสำหรับการที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอดของกลุ่มเอเปก ซึ่งกำหนดจัดขึ้นที่จีนในเดือนพฤศจิกายนนี้

เจ้าหน้าที่อาวุโสกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เผยว่า การหารือประเด็นฮ่องกง เป็นส่วนหนึ่งของการพูดจากันอย่างตรงไปตรงมาในด้านสิทธิมนุษยชน ขณะที่คำแถลงของฝ่ายกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่า หยางบอกเคร์รีว่า ไม่ว่าประเทศใดไม่ควรแทรกแซงสถานการณ์ในฮ่องกง ซึ่งถือเป็นกิจการภายในของจีน