เอเอฟพี – ชาร์ลส แมนสัน ฆาตกรอเมริกันวัยเฒ่าเจ้าของลัทธิสังหารหมู่ซึ่งต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต เตรียมเข้าพิธีวิวาห์กับสาวรุ่นลูกวัย 26 ปี หลังฝ่ายหญิงหมั่นเข้าเยี่ยมในเรือนจำจนเกิดเป็นความรัก และได้จดทะเบียนสมรสกันอย่างถูกต้องแล้ว
แมนสัน วัย 80 ปี ซึ่งก่อคดีฆาตกรรมเหยื่อ 7 รายจนติดคุกตลอดชีพ เตรียมเข้าพิธีแต่งงานกับ แอฟตัน เอแลน เบอร์ตัน ซึ่งอ่อนวัยว่าตนถึง 54 ปี โดยสื่อสหรัฐฯ ต่างประโคมข่าวฆาตกรโหดที่กำลังจะได้ “เมียสาวหุ่นดีผมสีน้ำตาล”
สำนักงานคุมประพฤติและแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย เปิดเผยกับเอเอฟพีเมื่อวานนี้(17)ว่า “เขาได้จดทะเบียนสมรสกับเธอแล้ว”
ข้อมูลจากเว็บไซต์เทศมณฑลคิง รัฐแคลิฟอร์เนีย ระบุว่า แมนสัน กับ เบอร์ตัน ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรสเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน แต่ยังไม่กำหนดวันแต่งงานที่แน่นอน
ฆาตกรเฒ่ารายนี้ติดคุกมานานกว่า 40 ปี หลังจากที่ก่อเหตุสังหารหมู่เมื่อปี 1969 ซึ่งหนึ่งในเหยื่อของเขาก็คือ ชารอน เทต ภรรยาผู้กำกับภาพยนตร์ชาวโปแลนด์ โรมัน โปลันสกี ซึ่งขณะนั้นกำลังตั้งครรภ์ 8 เดือนครึ่ง
เบอร์ตัน ซึ่งเรียกตัวเองว่า “ดาว” (Star) ยืนยันว่า เธอกับ แมนสัน รักกันอย่างดูดดื่ม และถือว่าเธอกับเขาเป็นคู่ผัวตัวเมียกันอย่างถูกต้องแล้ว
“ฉันอยู่กับเขา และเขาก็อยู่กับฉันอย่างแท้จริง ฉันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ฉันไม่รู้จะอธิบายยังไงดี” เธอให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นเมื่อเดือนสิงหาคม โดยพร่ำพรรณนาถึงความรักที่มีต่อฆาตกรผมขาวผู้มีรอยสักรูปสวัสติกะอยู่กลางหน้าผาก
เบอร์ตัน บอกว่า เธอยึดถือ “ปรัชญา” ของ แมนสัน มาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น และตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่คอร์โครานซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งของเรือนจำ เพื่อให้ได้อยู่ใกล้ชิดกับเขามากที่สุด
เธออ้างว่าได้คุยกับ แมนสัน ทุกวัน และไปเยี่ยมเขาที่เรือนจำรัฐแคลิฟอร์เนียเกือบทุกสุดสัปดาห์
แมนสัน เคยแต่งงานมาแล้ว 2 ครั้งก่อนจะถูกคุมขัง โดยภรรยาคนแรกคือ โรซาลี ฌีน วิลลิส อยู่กินกันระหว่างปี 1955-1958 และต่อมาก็แต่งงานใหม่กับ แคนดี สตีเวนส์ และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในช่วงปี 1959-1963
ในปี 1969 แมนสัน ถูกศาลพิพากษาประหารชีวิตพร้อมสาวกอีก 4 คนที่ร่วมกันสังหารเหยื่อ 7 ราย แต่ต่อมาศาลได้ลดโทษเหลือเพียงจำคุกตลอดชีวิต
แมนสัน เคยยื่นขอทำทัณฑ์บนเมื่อปี 2012 แต่ศาลปฏิเสธการปล่อยตัว ซึ่งทำให้เขาหมดสิทธิ์ที่จะยื่นคำร้องได้อีกจนถึงปี 2027
ฆาตกรผู้นี้เคยเป็นเจ้าลัทธิคลั่งวันสิ้นโลก และสั่งสอนให้สาวกไล่สังหารเหยื่อในย่านคนผิวขาวของนครลอสแองเจลิสเพื่อป้ายสีชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน โดยหวังว่าจะเป็นชนวนไปสู่สงครามระหว่างเชื้อชาติ