xs
xsm
sm
md
lg

Hot Issue : บริษัทน้ำมันอาหรับ “เพื่อนทักษิณ” เดินหน้าสูบน้ำมันแหล่ง “มโนราห์” วันละ 15,000 บาร์เรล แบ่งผลประโยชน์บริษัทน้ำมันแดนจิงโจ้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - บริษัท “มูบาดาลา ปิโตรเลียม” แห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ออกคำแถลงล่าสุด ยืนยันเตรียมเดินหน้าผลิตน้ำมันจากแหล่ง “มโนราห์” กลางอ่าวไทยเต็มสูบ โดยระบุมีน้ำมันอื้อ อาจสูบได้สูงสุดถึง “วันละ 15,000 บาร์เรล” หลังจากเพิ่งประกาศฮุบกรรมสิทธิ์ในแหล่งน้ำมัน “นงเยาว์” ของไทยไปเมื่อต้นปี

รายงานของสื่อต่างประเทศหลายสำนักระบุตรงกันว่า บริษัท “มูบาดาลา ปิโตรเลียม” ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานในเครือ “มูบาดาลา กรุ๊ป” ที่เป็นหนึ่งในแขนขาด้านการลงทุนของรัฐอาบู ดาบี ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ประกาศเริ่มเดินหน้าผลิตน้ำมันจาก “แหล่งมโนราห์” ที่ตั้งอยู่ในอ่าวไทยตอนเหนืออย่างเต็มกำลัง โดยจับมือแบ่งปันผลประโยชน์กับบริษัทพลังงาน “แท็ป เอ็นเนอร์จี” ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย รวมถึงบริษัทน้ำมัน “นอร์เทิร์น กัลฟ์ ปิโตรเลียม" ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่บน “ถนนวิภาวดี-รังสิต” ใจกลางกรุงเทพฯ

คำแถลงของมูบาดาลา ปิโตรเลียมซึ่งถูกเผยแพร่ผ่านสื่อสำนักต่างๆในช่วงรอยต่อคืนวันอังคาร (11 พ.ย.) ถึงเช้าตรู่วันพุธ (12 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ระบุว่า ทางบริษัทคาดว่าอาจสูบน้ำมันออกจากแหล่งมโนราห์ของไทยเพื่อเข้าสู่กระบวนการผลิตได้สูงสุดถึง “วันละ 15,000 บาร์เรล”

ความเคลื่อนไหวล่าสุดในการผลิตน้ำมันจากแหล่งมโนราห์ในครั้งนี้ส่งผลให้บริษัทมูบาดาลา ปิโตรเลียมในเครือมูบาดาลา กรุ๊ป กลายเป็นเจ้าของสิทธิ์ทำประโยชน์จากแหล่งน้ำมันกลางอ่าวไทยถึง 3 แหล่ง เนื่องจากก่อนหน้านี้ ทางบริษัทเพิ่งได้รับไฟเขียวจากรัฐบาลไทยในยุค น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้เข้าทำสัญญาพัฒนาแหล่งน้ำมัน “นงเยาว์” ที่ตั้งอยู่ในอ่าวไทยมาแล้วเมื่อต้นปี รวมถึงยังได้สิทธิ์สูบน้ำมันจากแหล่ง “จัสมิน” ที่มีปริมาณน้ำมันอยู่ “มากกว่า 50 ล้านบาร์เรล”

ก่อนหน้านี้ บริษัท มูบาดาลา กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของมูบาดาลา ปิโตรเลียม เคยประกาศเมื่อเดือนมกราคมว่า บริษัทของตนได้จับมือกับบริษัทพลังงาน “คริสเอ็นเนอร์จี” ที่เป็นบริษัทลูกของกลุ่ม “เทมาเส็ก” ในประเทศสิงคโปร์ เข้าพัฒนาแหล่งน้ำมันนงเยาว์ที่อยู่กลางอ่าวไทย โดยระบุแหล่งน้ำมันดังกล่าวมีศักยภาพรองรับการผลิตน้ำมันได้มากถึง 15,000 บาร์เรลต่อวัน เท่ากับแหล่งมโนราห์ และสามารถเริ่มกระบวนการขุดเจาะทำประโยชน์เต็มรูปแบบได้ตั้งแต่กลางปี 2015 เป็นต้นไป ขณะที่สัดส่วนการแบ่งผลประโยชน์นั้นถูกระบุว่า บริษัท มูบาดาลาแห่งยูเออี จะเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ในสัดส่วนที่สูงถึง “75 เปอร์เซ็นต์” จากแหล่งน้ำมันนงเยาว์ในอ่าวไทย ขณะที่บริษัท คริส เอ็นเนอร์จี จากสิงคโปร์ที่เข้ามาเป็นหุ้นส่วนจะได้รับผลประโยชน์ 25 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ

ข้อมูลจากสื่อต่างประเทศรวมถึงการตรวจสอบจากทีมข่าวต่างประเทศ ASTV ผู้จัดการออนไลน์พบว่า กลุ่มมูบาดาลาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มี “คัลดูน คาลิฟา อัล มูบารัค” ประธานสโมสรฟุตบอลชื่อดัง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี จากศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทำหน้าที่เป็น “ซีอีโอ” ควบกับตำแหน่ง “กรรมการผู้จัดการ” อยู่ในขณะนี้และมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย โดยกลุ่มมูบาดาลามีมูลค่าทรัพย์สินในครอบครองในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาสูงกว่า 55,210 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.81 ล้านล้านบาท)

ทั้งนี้ บริษัท มูบาดาลา ปิโตรเลียมซึ่งมีการลงทุนใน 12 ประเทศได้เข้ามาดำเนินธุรกิจด้านพลังงานในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2004 ถือเป็นผู้ได้รับสัมปทานปิโตรเลียม “รายใหญ่อันดับที่ 3” ในประเทศไทย
คัลดูน คาลิฟา อัล มูบารัค ซีอีโอของสโมสรฟุตบอล “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งควบตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มมูบาดาลา
คัลดูน คาลิฟา อัล มูบารัค รับมอบเสื้อทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย และอดีตประธานสโมสร
ภาพจากสำนักข่าวเอเอฟพีเผยให้เห็นพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรหยอกล้ออย่างเป็นกันเองกับ คัลดูน อัล มูบารัค



กำลังโหลดความคิดเห็น