เอเอฟพี - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ จะขอให้สภาคองเกรสอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมอีก 3,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ วันนี้ (7 พ.ย.) เพื่อใช้ในสงครามต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม (ไอเอส) ทั้งในอิรักและซีเรีย ตลอดจนเป็นทุนในการฝึกฝนและติดอาวุธให้แก่กองกำลังความมั่นคงแบกแดด เจ้าหน้าที่อเมริกันเผยวานนี้ (6)
ผู้นำสหรัฐฯ ต้องการงบประมาณก้อนใหม่เพื่อจัดซื้อระเบิดทดแทน หลังจากที่วอชิงตันได้ส่งเครื่องบินเข้าไปทำลายเป้าหมายไอเอสอย่างต่อเนื่องมานานหลายสัปดาห์ และจะใช้เพื่อสนับสนุนกองทัพอิรักและกองกำลังชาวเคิร์ดที่ทำสงครามภาคพื้นดินกับไอเอสด้วย เจ้าหน้าที่กลาโหม 2 นายเผย
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงว่า ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในอิรักและซีเรีย ซึ่งผู้บัญชาการทหารหลายคนเตือนว่าอาจใช้เวลา “หลายปี” เป็นการส่งเครื่องบินออกไปปฏิบัติภารกิจผลัดเปลี่ยนกันนับพันๆ เที่ยว และทิ้งระเบิดใส่เป้าหมายหลายร้อยครั้ง ซึ่งทำให้อเมริกาต้องสูญเสียงบประมาณราวๆ 8,300,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์อิสระเชื่อว่าตัวเลขที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านั้น หากนับรวมค่าใช้จ่ายในปฏิบัติการทางอากาศทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเครื่องบินสอดแนมออกไปปฏิบัติภารกิจหลายต่อหลายครั้ง
ข้อมูลจากเพนตากอน ระบุว่า สงครามทางอากาศต่อต้านไอเอส ซึ่งเรียกกันว่าปฏิบัติการ “Inherent Resolve” ทำให้สหรัฐฯ เสียงบประมาณไปแล้วถึง 580 ล้านดอลลาร์ นับจนถึงวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา
งบประมาณก้อนใหม่ที่ โอบามาเรียกร้องจะนำไปจ่ายเป็นค่าแรงที่ปรึกษาทหาร 600 นายซึ่งถูกส่งไปช่วยทหารอิรักที่กรุงแบกแดดและกองกำลังเคิร์ดที่เมืองอาร์บิล นอกจากนี้ ยังมีทหารอเมริกันอีกราวๆ 800 นายที่คุ้มกันสถานทูตสหรัฐฯ และสนามบินแบกแดด
โอบามา แถลงเมื่อวันพุธ (5) ว่า เขาเตรียมขอให้สภาคองเกรสอนุมัติคำสั่งใหม่ในสงครามต่อต้านไอเอส ขณะที่ทำเนียบขาวระบุก่อนหน้านี้ว่า คองเกรสไม่จำเป็นต้องคิดหนักเรื่องอำนาจในการทำสงคราม
อย่างไรก็ดี นี่จะเป็นโอกาสที่คองเกรสจะได้อภิปรายถกเถียงเรื่องยุทธศาสตร์สงครามของ โอบามา หลังจากนักการเมืองหลายกลุ่มขั้วเริ่มวิจารณ์และตั้งคำถามกับแนวทางที่วอชิงตันเลือกใช้อยู่
เจ้าหน้าที่อเมริกันระบุว่า การของบเพิ่มจะมาในรูปของการแก้ไขงบประมาณสงครามตามจริงของเพนตากอน หรือที่เรียกว่า “กองทุนปฏิบัติการฉุกเฉินต่างแดน” (Overseas Contingency Operations - OCO) ซึ่งกองทุนที่ว่านี้เป็นเสมือน “บัตรเครดิต” ที่สามารถรูดมาใช้จ่ายในสงครามต่างๆ และอยู่นอกเหนือจากงบประมาณ “พื้นฐาน” ของกระทรวงกลาโหมที่จะใช้เพื่อสนับสนุนโครงการพัฒนาอาวุธ, จ่ายเงินเดือนบุคลากร และรายจ่ายด้านอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับสงครามที่กำลังดำเนินอยู่
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากสหรัฐฯ ยังคงส่งเครื่องบินออกไปโจมตีทางอากาศอย่างหนักหน่วงเช่นในปัจจุบัน การขยายสงครามกวาดล้างไอเอสอาจมีค่าใช้จ่ายสูงยิ่งกว่าเมื่อคราวโค่นล้มรัฐบาลพันเอก มูอัมมาร์ กัดดาฟี แห่งลิเบีย เมื่อปี 2011 ซึ่งตอนนั้นอเมริกาเสียงบประมาณไปราวๆ 1,000 ล้านดอลลาร์ และวงเงินอาจจะเพิ่มไปอีกหลายพันล้านดอลลาร์หากสงครามไอเอสยืดเยื้อถึง 1 ปี
