เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรี โทนี แอ็บบอตต์ แห่งออสเตรเลียออกมาปกป้องพลังงานถ่านหินว่าเป็น “รากฐานความเจริญของประเทศ” วันนี้ (4 พ.ย.) หลังองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เตือนให้ทั่วโลกตระหนักถึงหายนะทางสิ่งแวดล้อมที่มีสาเหตุมาจากการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก
วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (2) ผู้เชี่ยวชาญสภาพอากาศของยูเอ็นเตือนว่า อัตราการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก 3 ชนิดหลักๆ พุ่งสูงสุดในรอบกว่า 800,000 ปี ซึ่งอาจทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 4 องศาเซลเซียสจากระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม ภายในปี 2100
เมื่อถูกตั้งคำถามเรื่องนี้ ผู้นำออสเตรเลียตอบว่า ถ่านหินซึ่งเป็นทั้งสินค้าส่งออกที่สำคัญและแหล่งพลังงาน จะยังคงเป็นแกนหลักที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
“ในอนาคตเท่าที่คาดการณ์ได้ ถ่านหินจะยังคงเป็นรากฐานความเจริญของเรา” แอบบ็อตต์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่นครซิดนีย์
“ถ่านหินเป็นรากฐานชีวิตของเรา คุณจะใช้ชีวิตแบบสมัยใหม่ไม่ได้เลยหากปราศจากพลังงาน คุณจะมีเศรษฐกิจที่ทันสมัยใหม่ไม่ได้หากไม่มีพลังงาน ในเวลานี้และอนาคตเท่าที่เราคาดการณ์ได้ ถ่านหินจะยังเป็นรากฐานพลังงานของออสเตรเลีย”
ผู้นำแดนจิงโจ้ชี้ว่า เชื้อเพลิงฟอสซิลช่วยตอบสนองความต้องการใช้พลังงานทั่วโลก และยกระดับคุณภาพชีวิตพลเมืองในประเทศที่ยากจนกว่า
“หากเราคิดที่จะรักษาและปรับปรุงคุณภาพชีวิตประชาชนในประเทศอย่างออสเตรเลีย เราต้องใช้พลังงานถ่านหินให้คุ้มค่ามากที่สุด”
ถ่านหิน ก๊าซ และน้ำมัน แม้จะเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก แต่ก็เป็นทรัพยากรพลังงานที่สำคัญของโลกด้วยเช่นกัน
คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change - IPCC) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดยูเอ็น เผยรายงานชิ้นสำคัญซึ่งระบุว่า หากอัตราการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังดำเนินต่อไปเช่นนี้ อุณหภูมิโลกที่เพิ่มสูงขึ้นจะส่งผลให้ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ภัยแล้ง อุทกภัย การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล และการสูญพันธุ์ของสัตว์และพืช ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นตามไปด้วย
แอบบ็อตต์ เคยปรามาสศาสตร์ที่ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศว่าเป็นเพียง “เรื่องยกเมฆ” และยังประกาศสนับสนุนอุตสาหรรมถ่านหินซึ่งเป็นที่มาของสินค้าส่งออกอันดับ 1 และ 2 ของออสเตรเลีย ได้แก่ สินแร่เหล็ก และถ่านหิน
ในพิธีเปิดเหมืองถ่านหินที่รัฐควีนส์แลนด์เมื่อเดือนที่แล้ว แอ็บบอตต์แถลงว่า “ถ่านหินดีต่อมนุษยชาติ” และเรียกร้องให้ทุกคน “คงความเชื่อมั่นต่อถ่านหิน”
แอ็บบอตต์ซึ่งก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียในปี 2013 ได้ประกาศยกเลิกเก็บภาษีคาร์บอน รวมถึงภาษีการทำเหมืองถ่านหินและสินแร่เหล็กด้วย
หลังจาก IPCC เผยแพร่คำเตือน พรรคกรีนส์ก็ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐสั่งปิดอุตสาหกรรมถ่านหินซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 39,800 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียเสีย
“โลกที่ร้อนขึ้นอีก 4 องศาเซลเซียสจะอยู่ไม่ได้ นั่นหมายถึงความตายของมนุษยชาติ” คริสติน มิลน์ หัวหน้าพรรคกรีนส์ ให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้(3)
“ถ่านหินเป็นแหล่งพลังงานที่เลวร้ายสำหรับมนุษยชาติ และ โทนี แอ็บบอตต์ ก็เป็นผู้นำที่เลวร้ายสำหรับออสเตรเลีย นโยบายเศรษฐกิจของเขาคือตัวเร่งให้เกิดภาวะโลกร้อน และทำให้อนาคตของเราตกอยู่ในความเสี่ยง ไม่เฉพาะในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมเท่านั้น แต่รวมถึงในด้านเศรษฐกิจด้วย”