เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียเผยในวันเสาร์ (1 พ.ย.) มีพลเมืองแดนอิเหนาจำนวน 72 รายทำงานอยู่ในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก ซึ่งเป็นต้นตอการระบาดของเชื้อไวรัสมรณะ “อีโบลา” ระลอกล่าสุด ที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 5,000 ราย
คำแถลงของนางนิลา โมเอโลค รัฐมนตรีสาธารณสุขหญิงของอินโดนีเซียระบุว่า ในขณะนี้มีชาวอินโดนีเซียจำนวน 72 คนทำงานอยู่ในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกที่เป็นต้นตอการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาระลอกล่าสุดที่ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อไปแล้วอย่างน้อย 13,567 ราย และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4,951 คนตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO)
อย่างไรก็ดี คำแถลงของรัฐมนตรีสาธารณสุขอินโดนีเซียมิได้เปิดเผยรายละเอียดว่า พลเมืองอินโดนีเซียทั้ง 72 รายทำงานอยู่ในพื้นที่ส่วนใดของแอฟริกาตะวันตก มีเพียงการเปิดเผยว่ามีพลเมืองแดนอิเหนาบางส่วน ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นแพทย์และพยาบาลอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
รายงานข่าวระบุว่า จนถึงขณะนี้รัฐบาลใหม่ของอินโดนีเซียภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจโก วิโดโดได้เตรียมมาตรการรับมือในระดับสูงสุดหากพลเมืองอินโดนีเซียกลุ่มนี้เดินทางกลับประเทศ และมีการจับตาสถานการณ์การระบาดของเชื้ออีโบลาในแอฟริกาตะวันตกอย่างใกล้ชิด หวั่นเชื้อมรณะเข้ามาแพร่กระจายในกลุ่มประเทศ “อาเซียน” หรือประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 10 ประเทศ
ทั้งนี้ การระบาดของเชื้ออีโบลาในแอฟริกาตะวันตกซึ่งเริ่มปะทุขึ้นในเขตป่าลึกของประเทศกินี เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้ลุกลามบานปลายจนกลายเป็นวิกฤตด้านสาธารณสุขในระดับโลกจากการที่มีผู้ติดเชื้อไปแล้วอย่างน้อย 13,567 ราย และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4,951 คน โดยไลบีเรีย เซียร์ราลีโอน และกินี คือ 3 ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดถึง 2,413 คน , 1,510 คน และ1,018 คนตามลำดับ
