เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางการอินโดนีเซีย ยอมรับเป็นครั้งแรกในวันอังคาร (24) โดยระบุ มีพลเมืองแดนอิเหนาอย่างน้อย 56 คน เดินทางไปยังอิรักเพื่อเข้าร่วมกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรง “รัฐอิสลามแห่งอิรักและซีเรีย” หรือ “ISIL”
พล.ต.อ. สุตาร์มัน ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติอินโดนีเซีย ยืนยัน มีข้อมูลการข่าวที่เชื่อถือได้ซึ่งบ่งชี้ว่า ขณะนี้มีพลเมืองอินโดนีเซียจำนวนอย่างน้อย 56 คนได้เดินทางออกจากประเทศ และมีจุดหมายปลายทางอยู่ในอิรักและซีเรียเพื่อเข้าร่วมกับกลุ่มติดอาวุธ ISIL
ผู้บัญชาการตำรวจอินโดนีเซียระบุว่า นอกเหนือจากข้อมูลข่าวกรองของทางการแดนอิเหนาแล้ว รัฐบาลจาการ์ตายังได้รับแจ้งจากรัฐบาลซีเรีย รวมถึงหน่วยงานด้านการข่าวของออสเตรเลีย ซึ่งต่างยืนยันข้อมูลที่ตรงกันว่า พบการเคลื่อนไหวในลักษณะดังกล่าวของชายชาวอินโดนีเซียซึ่งมีอายุระหว่าง 20-30 ปี จำนวนอย่างน้อย 56 ราย โดยคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่ในเมือง “สุราการ์ตา” ในจังหวัดชวากลาง
รายงานข่าวระบุด้วยว่า พลเมืองแดนอิเหนากลุ่มดังกล่าวใช้วิธียื่นเรื่องขอเดินทางออกนอกประเทศ โดยอ้างตัวว่าเป็นนักศึกษาหรือเป็นเจ้าหน้าที่องค์กรให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เพื่อปกปิดจุดมุ่งหมายที่แท้จริงในการไปร่วมรบกับกลุ่มหัวรุนแรง ISIL ที่มีเป้าประสงค์ในการสถาปนาการปกครองในรูปแบบของ “รัฐอิสลามสุดโต่ง” ในอิรักและซีเรีย
อย่างไรก็ดี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของอินโดนีเซียยอมรับว่า คงมีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะติดตามบุคคลเหล่านี้กลับมาสอบสวนดำเนินคดี เนื่องจากทั้งหมดได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว แต่ย้ำว่า อินโดนีเซียจะเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของพลเมืองกลุ่มนี้อย่างใกล้ชิด และเตรียมมาตรการรองรับไว้แล้ว หากพบว่า คนกลุ่มนี้เดินทางกลับมายังอินโดนีเซีย
ทั้งนี้ อินโดนีเซียซึ่งถือเป็นประเทศมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดของโลกและมีประชากรมากเป็นลำดับที่ 4 ของโลกถึงเกือบ 240 ล้านคน เคยถูกเพ่งเล็งจากประชาคมระหว่างประเทศมาแล้ว หลังมีหลักฐานว่าพลเมืองอินโดนีเซียจำนวนไม่น้อยได้เดินทางไปยังอัฟกานิสถานเพื่อเข้าร่วมกับกลุ่ม “ตอลิบาน” ทำการสู้รบกับทหารของสหรัฐฯและชาติพันธมิตร