เอเอฟพี – กลุ่มติดอาวุธโบโกฮารัมอ้างว่านักเรียนหญิง 219 คนซึ่งถูกลักพาตัวไปจากโรงเรียนแห่งหนึ่งในไนจีเรียเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้เปลี่ยนไปรับนับถือศาสนาอิสลาม และ “แต่งงาน” กันไปหมดแล้ว คลิปวีดีโอที่กลุ่มติดอาวุธเผยแพร่ล่าสุดระบุ
อบูบาการ์ เชเกา ผู้นำกลุ่มอิสลามิสต์โบโกฮารัม ยังปฏิเสธคำกล่าวอ้างของรัฐบาลไนจีเรียที่ว่าได้ทำข้อตกลงหยุดยิงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมยืนกรานจะไม่เจรจากับรัฐแน่นอน
เชเกา ยังอ้างว่า พลเมืองเยอรมันคนหนึ่งที่ถูกลักพาตัวในรัฐอดามาวาทางตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรียเมื่อเดือนกรกฎาคม ยังอยู่ในเงื้อมมือของพวกเขา
เมื่อเดือนเมษายน กลุ่มโบโกฮารัมได้บุกไปยังโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองชีบอค รัฐบอร์โน และลักพาตัวนักเรียนหญิงไปกว่า 200 คน ทำให้ทั่วโลกได้หันมาตระหนักถึงพิษสงของกลุ่มติดอาวุธซึ่งก่อความไม่สงบในภาคเหนือของไนจีเรียมานานกว่า 5 ปี และได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วราว 13,000 ราย
คลิปวีดีโอจากผู้นำโบโกฮารัมถูกเผยแพร่ หลังจากที่ประธานาธิบดีและกองทัพไนจีเรียออกมาประกาศเมื่อวันที่ 17 ตุลาคมว่า สามารถทำข้อตกลงหยุดยิงและขอคืนตัวเชลยนักเรียนหญิงจากกลุ่มโบโกฮารัมได้สำเร็จแล้ว
คำกล่าวอ้างของรัฐบาลไนจีเรียสร้างความกังขาต่อหลายฝ่าย เพราะที่ผ่านมาข้อตกลงหยุดยิงกับโบโกฮารัมไม่เคยมีผลจริง ส่วน ดันลาดี อาห์มาดู ซึ่งเป็นผู้แทนเจรจาของโบโกฮารัม ก็ยังไม่แน่ว่าจะมีอิทธิพลต่อกลุ่มมากน้อยเพียงใด
เชเกา ซึ่งปรากฏตัวในคลิปพร้อมกับสมาชิกโบโกฮารัมอีก 15 คน ยืนยันว่า “เราไม่เคยตกลงหยุดยิงกับใครทั้งนั้น... เราไม่เจรจา ทั้งหมดมันเป็นเรื่องโกหก โกหกทั้งเพ... เราจะไม่เจรจาเด็ดขาด เจรจาไปทำไมกัน... อัลเลาะห์ทรงบอกเราว่าไม่ควรทำ”
ผู้นำโบโกฮารัมยังประกาศหน้าตาเฉยว่า ไม่เคยรู้จัก ดันลาดี มาก่อน
ในคลิปวีดีโอนี้ เชเกา ได้เอ่ยถึงชะตากรรมของเด็กนักเรียนหญิงจากเมืองชีบอคเป็นครั้งแรก หลังจากที่เมื่อเดือนพฤษภาคมโบโกฮารัมได้เผยแพร่คลิปวีดีโอบันทึกภาพเด็กหญิงประมาณ 100 คนสวมผ้าคลุมฮิญาบ และอ่านโองการจากพระคัมภีร์อัลกุรอาน
ขณะนั้น เชเกา ระบุว่า เด็กหญิงส่วนมากยอมเปลี่ยนไปรับนับถืออิสลามแล้ว แต่มาวันนี้เขากลับยืนยันชัดเจนว่า ตัวประกัน “ทุกคน” เป็นมุสลิม
“คุณไม่รู้หรือไงว่าเด็กนักเรียนหญิงจากเมืองชีบอค 200 กว่าคนรับอิสลามแล้ว พวกเธอท่องจำพระคัมภีร์อัลกุรอานได้แล้วถึง 2 บท”
ก่อนหน้านี้ เชเกา เคยขู่จะขายเด็กหญิงเหล่านี้เป็น “เจ้าสาวทาส” หรืออาจยอมปล่อยตัวพวกเธอเพื่อแลกกับสมาชิกโบโกฮารัมที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำ แต่ล่าสุดเขาประกาศอย่างอารมณ์ดีว่า “เราจับพวกเธอแต่งงานไปหมดแล้ว ตอนนี้พวกเธออาศัยอยู่กับสามี”
องค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชน ฮิวแมนไรต์วอตช์ เผยรายงานในสัปดาห์นี้ว่า มีผู้หญิงและเด็กสาวตกอยู่ในเงื้อมมือของโบโกฮารัมประมาณ 500 คน โดยเหยื่อจำนวนมากถูกบังคับให้แต่งงานกับสมาชิกกลุ่มติดอาวุธจนเป็นเรื่องปกติในค่าย
เหยื่อคนหนึ่งซึ่งหนีรอดออกมาได้ เล่าว่า เธอเคยเห็นเด็กสาวจากเมืองชีบอคบางคนถูกบังคับให้ทำครัวและเก็บกวาดซักล้างแทนผู้หญิงบางกลุ่มที่ “ได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ เพราะหน้าตาสะสวย”
