xs
xsm
sm
md
lg

พยาบาลมะกันกลุ่มเสี่ยงอีโบลาฉุน จวกภาครัฐทำกับเธอราวกับเป็นอาชญากร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี - พยาบาลอเมริกันรายหนึ่งออกมาแฉเมื่อวันเสาร์ (25 ต.ค.) หลังจากที่ถูกกักตัวแยกไปเฝ้าสังเกตการณ์เพราะว่าเธอนั้นเคยดูแลผู้ป่วยอีโบลาในแอฟริกาตะวันตก ว่า การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่นั้นทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นอาชญากร

เคซี ฮิกคอกซ์ คือ รายแรกที่ต้องเข้ารับการเฝ้าระวัง 21 วันตามข้อบังคับใหม่ที่มีต่อบรรดาเจ้าหน้าที่แพทย์ ผู้ซึ่งเคยดูแลผู้ป่วยอีโบลา เชื้อไวรัสที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วเกือบ 5,000 รายในแอฟริกาตะวันตก แล้วกลับสู่สหรัฐอเมริกา

กฎข้อบังคับใหม่นี้เริ่มมีผลในนิวยอร์กและนิวเจอร์ซีย์เมื่อวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ฮิกคอกซ์กลับอเมริกาพอดี

“นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันหวังว่าจะให้เกิดขึ้นกับใครอีก และฉันก็รู้สึกกลัวมากที่มีคนเหล่านั้นคอยตามเฝ้าดู” ฮิกคอกซ์ เขียนไว้ในหนังสือพิมพ์ ดัลลัส มอร์นิ่ง นิวส์ โดยระะบุอีกว่า ตอนที่เธอกลับมาถึงสหรัฐอเมริกา เธอไม่ได้แสดงอาการใดๆ

“ฉันกลัวเกี่ยวกับวิธีที่เจ้าหน้าที่การแพทย์ใช้อยู่ในสนามบิน ตอนที่พวกเขาประกาศว่าจะต่อสู้กับอีโบลาในแอฟริกาตะวันตก อย่างกรณีของฉัน พวกเขาดูตื่นเต้นและกระวนกระวาย เหมือนพวกเขากลัวและแทบจะข่มขู่ฉันให้เข้ารับการกักกันโรค” เธอกล่าว

ฮิกคอกซ์ ผู้มาถึงท่าอากาศยานนานาชาติ นวร์ก ลิเบอร์ตี ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ หลังจากที่ได้ทำงานให้กับองค์การแพทย์ไร้พรมแดนในเซียร์ราลีโอน จะถูกเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลา 21 วัน ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นช่วงเวลาฟักตัวของอีโบลา

“ชายคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เพราะฉันเห็นเขาสวมเข็มขัดคล้องอาวุธอยู่ภายในเสื้อ แล้วมันนูนขึ้นมาให้เห็น เขาตะคอกคำถามใส่ราวกับว่าฉันเป็นอาชญากร” ฮิกคอกซ์ กล่าว

ฮิกคอกซ์ ระบุว่า แม้จะรู้สึกเหนื่อย หิวและสับสน แต่เธอก็พยายามจะอยู่ในความสงบระหว่างที่ต้องอยู่ในสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของสนามบินเป็นเวลา 3 ชั่วโมง

“มันดูเหมือนไม่มีใครเป็นหัวหน้าคุมสถานการณ์นั้นเลย ไม่มีใครบอกฉันว่าเกิดอะไรขึ้นหรือจะทำอะไรกับฉัน จนฉันสงสัยมากว่าฉันทำอะไรผิด” เธอกล่าว

อุณหภูมิร่างกายของฮิกคอกซ์ในตอนแรกที่มาถึงอยู่ที่ 98 องศาฟาเรนไฮต์ (37 องศาเซลเซียส) แต่หลังจากที่ผ่านไป 4 ชั่วโมง เครื่องวัดไข้ที่หน้าผากก็พบว่าอุณภูมิเพิ่มขึ้นเป็น 101 องศาฟาเรนไฮต์ ซึ่งอาจจะหมายความว่าเริ่มมีไข้

อย่างไรก็ตาม ฮิกคอกซ์ บอกว่า เครื่องวัดไข้ที่หน้าผากมีอุณหภูมิสูงขึ้นก็เพราะเธอกำลังโมโหจนหน้าแดง เนื่องจากถูกทิ้งให้ต้องอยู่เพียงลำพังภายในห้องอีก 3 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็มีรถตำรวจไม่น้อยกว่า 8 คัน มาคุ้มกันตัวเธอไปโรงพยาบาล

เมื่อถูกนำตัวมาที่โรงพยาบาล อุณหภูมิของเธอกลับมาอยู่ในระดับปกติอีกครั้ง ส่วนผลตรวจเลือดเบื้องต้นก็ไม่พบเชื้ออีโบลา

“ฉันต้องนั่งอยู่คนเดียวในเตนท์กักกัน แล้วก็คิดว่าจะมีเพื่อนร่วมอาชีพอีกกี่คนที่กลับมาบ้านแล้วต้องเจอกับอะไรแบบนี้ พวกเขาจะถูกทำให้รู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นอาชญากรหรือนักโทษเหมือนกันบ้างไหม เราต้องการเจ้าหน้าที่แพทย์มากกว่านี้ในการสู้กับโรคระบาดในแอฟริกาตะวันตก อเมริกาควรที่จะดูแลเจ้าหน้าที่แพทย์ที่เดินทางกลับบ้านอย่างสมเกียรติและมีมนุษยธรรม” ฮิกคอกซ์ ระบุไว้ในหนังสือพิมพ์ฯ

“ฉันใช้เวลาเป็นเดือนทนดูเด็กๆ เสียชีวิต ได้เห็นโศกนาฏกรรมต่อหน้าต่อตา ฉันพยายามช่วยเหลือในขณะที่ทั้งโลกเอาแต่ดูและไม่ยอมทำอะไร” เธอกล่าว

ด้านองค์การแพทย์ไร้พรมแดน เป็นกังวลมากกับสถานการณ์และความคลุมเครือที่เธอต้องเผชิญ

โซฟี เดลาเนย์ ผู้อำนวยการองค์การแพทย์ไร้พรมแดน ระบุว่า ยังขาดความชัดเจนสำหรับแนวทางใหม่ที่ถูกประกาศใช้โดยภาครัฐในนิวยอร์กและนิวเจอร์ซีย์

ทั้งสองรัฐได้ออกคำสั่งให้ทำการกักกันโรคต่อเจ้าหน้าที่แพทย์ที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง หลังจากที่ เคร็ก สเปนเซอร์ แพทย์วัย 33 ปี ได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นผู้ติดเชื้ออีโบลารายแรกในนิวยอร์ก

เขาถูกแยกไปกักตัวไว้เมื่อวันเสาร์ (25 ต.ค.) โดยที่อาการของเขานั้นแย่ลงเล็กน้อย แต่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ย้ำว่า นั้นเป็นอาการขั้นถัดมาหลังจากที่แสดงอาการป่วย ซึ่งได้รับการคาดการณ์ไว้แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น