เอเอฟพี – รัฐบาลเกาหลีเหนือปล่อยตัว 1 ใน 3 ชาวอเมริกันที่ถูกจับกุมแล้ว และยังทำเซอร์ไพรส์ด้วยการอนุญาตให้เครื่องบินของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลงจอดที่เปียงยางเพื่อรับตัวพลเมืองกลับบ้าน เมื่อวานนี้(21)
เจฟฟรีย์ ฟาวล์ ซึ่งถูกทางการโสมแดงจับกุมเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และยังมีสุขภาพแข็งแรงดี “ได้รับอนุญาตให้เดินทางออกจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (DPRK) แล้ว” โจช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาว แถลงต่อสื่อมวลชน พร้อมระบุว่าชาวอเมริกันวัย 56 ปีรายนี้อยู่ระหว่างเดินทางกลับบ้านเกิด
เจ้าหน้าที่อเมริกันเปิดเผยว่า เกาหลีเหนือได้กำหนดกรอบเวลาอันจำกัดให้สหรัฐฯ นำตัว ฟาวล์ ออกจากประเทศไปได้ กระทรวงกลาโหมจึงตัดสินใจส่งเครื่องบินเข้าไปรับเขากลับมา ถึงแม้ว่าวอชิงตันกับรัฐคอมมิวนิสต์โดดเดี่ยวแห่งนี้จะไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตต่อกันก็ตาม
“แน่นอนว่าสหรัฐฯ รู้สึกยินดีที่เกาหลีเหนือตัดสินใจปล่อยตัวเขา” เออร์เนสต์ เผย ขณะที่รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แมรี ฮาร์ฟ ได้กล่าวขอบคุณคณะทูตสวีเดนในเกาหลีเหนือที่พยายามเจรจากับเปียงยางเพื่อคืนอิสรภาพให้แก่นักโทษชาวอเมริกัน
ฮาร์ฟ กล่าวเสริมว่า แพทย์ซึ่งตรวจร่างกาย ฟาวล์ สรุปว่าสุขภาพของเขา “อยู่ในเกณฑ์ดี” และเวลานี้เครื่องบินของเพนตากอนได้เดินทางออกจากกรุงเปียงยางไปยังเกาะกวม ก่อนที่ ฟาวล์ จะเดินทางต่อมายังแผ่นดินใหญ่อเมริกา
อย่างไรก็ดี โฆษกหญิงผู้นี้ไม่ระบุชัดเจนว่า ฟาวล์ จะกลับมาถึงบ้านของเขาในรัฐโอไฮโอเมื่อใด และปฏิเสธที่จะยืนยันว่า การปล่อยตัวครั้งนี้เกิดจากการเจรจาต่อรองใดๆ กับรัฐโสมแดงหรือไม่
เวลานี้ยังเหลือชาวอเมริกันที่ถูกคุมขังอยู่ในเกาหลีเหนืออีก 2 ราย ได้แก่ เคนเนธ แบ และ แมทธิว มิลเลอร์ ซึ่งทั้งคู่ถูกศาลโสมแดงตัดสินใช้แรงงานหนัก
เทอร์รี ชุง พี่สาวของ แบ ให้สัมภาษณ์ว่า การปล่อยตัว เจฟฟรีย์ ฟาวล์ ถือเป็น “สัญญาณความหวัง” สำหรับหนุ่มอเมริกันเชื้อสายเกาหลีวัย 42 ปี ซึ่งถูกจับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2012 และถูกศาลเกาหลีเหนือตัดสินให้ใช้แรงงานหนักถึง 15 ปีฐานบ่อนทำลายรัฐ
“ครอบครัวเรายินดีที่ทราบข่าวการปล่อยตัว (ฟาวล์) เราเองก็เจ็บปวดเช่นกัน เพราะน้องชายดิฉัน เคนเนธ แบ ยังติดอยู่ในค่ายผู้ใช้แรงงานของเกาหลีเหนือมา 2 ปีแล้ว โดยยังไม่รู้อนาคตเลย” ชุง ระบุในคำแถลงของเธอ
“แม้จะผิดหวังพอสมควรที่ เคนเนธ ไม่ถูกพากลับมาด้วย แต่เราก็เชื่อว่าอย่างน้อยๆ การปล่อยตัวครั้งนี้ก็น่าจะเป็นสัญญาณความหวังสำหรับเขา”
เมื่อต้นเดือนนี้ ฟาวล์ ได้ออกมาขอร้องอีกครั้งให้รัฐบาลสหรัฐฯ เร่งเจรจาขอปล่อยตัวเขา และจากบทสัมภาษณ์ที่เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ โชซุน ซินโบ สื่อซึ่งเอียงข้างรัฐบาลโสมแดง ฟาวล์ ระบุว่า ตนรู้สึก “กระวนกระวายใจ” ว่าจะต้องมีชะตากรรมเหมือนกับ แบ และ มิลเลอร์ ซึ่งถูกตัดสินความผิดและจำคุกไปแล้ว
ฟาวล์ เดินทางเข้าไปในเกาหลีเหนือเมื่อเดือนเมษายน และถูกจับกุมฐานทิ้งพระคัมภีร์ไบเบิลเอาไว้ในห้องสุขาของไนต์คลับแห่งหนึ่งในเมืองท่าชองจิน ทางตอนเหนือของรัฐโสมแดง ส่วน มิลเลอร์ วัย 24 ปี ก็ถูกจับในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน หลังฉีกวีซ่านักท่องเที่ยวที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองและอ้างว่าต้องการลี้ภัย
การที่เกาหลีเหนือยินยอมให้เครื่องบินของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลงจอดที่สนามบินในกรุงเปียงยางได้นั้นถือว่าไม่ธรรมดา เมื่อคำนึงถึงความเป็นจริงที่ว่าสงครามเกาหลีถูกระงับไว้ด้วยข้อตกลงหยุดยิง ทว่าคู่สงครามยังไม่ได้ทำสนธิสัญญาสันติภาพอย่างเป็นทางการ
ที่ผ่านมา โสมแดงมักแสดงท่าที่เกรี้ยวกราดเมื่อเกาหลีใต้และสหรัฐฯเปิดซ้อมรบร่วมกัน และเส้นพรมแดนระหว่างสองเกาหลีก็เป็นพื้นที่ซึ่งมีการตรึงกำลังทหารไว้หนาแน่นที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
วิกเตอร์ ชา ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือจากสถาบันเพื่อการศึกษายุทธศาสตร์และกิจการระหว่างประเทศ (CSIS) ชี้ว่า การที่เปียงยางปล่อยตัว ฟาวล์ ง่ายๆ ถือว่าน่าประหลาดใจพอดู “เพราะหลายเดือนมานี้ พวกเขาแสดงท่าทีแข็งกร้าวตลอดมา” แต่ก็เป็นไปได้ว่า เจ้าหน้าที่โสมแดงอาจมองว่าความผิดของ ฟาวล์ “ร้ายแรงน้อยที่สุด และพอจะอภัยให้ได้”
รองโฆษก ฮาร์ฟ ระบุว่า สหรัฐฯ ยังคงทำงานอย่างเต็มที่เพื่อที่จะช่วยชาวอเมริกันอีก 2 ราย และย้ำข้อเสนอที่จะส่ง โรเบิร์ต คิง ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ไปยังเกาหลีเหนือเพื่อหารือชะตากรรมของ แบ และ มิลเลอร์ ต่อไป
เกาหลีเหนือปฏิเสธที่จะออกวีซาให้ คิง มาแล้วหลายครั้ง คล้ายจะบีบให้สหรัฐฯ ต้องส่งบุคคลสำคัญอย่างอดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน หรือ จิมมี คาร์เตอร์ ไปคุยมากกว่า แต่ ฮาร์ฟ ก็ไม่ยืนยันว่ามีการเจรจาต่อรองลักษณะนี้เกิดขึ้นหรือไม่
เปียงยางเรียกร้องขอเปิดเจรจาลดอาวุธ 6 ฝ่ายกับสหรัฐฯ, รัสเซีย, จีน, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้อีกครั้ง ทว่าสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ยื่นเงื่อนไขให้เกาหลีเหนือพิสูจน์ให้เห็นเสียก่อนว่ามีเจตนาที่จะล้มเลิกโครงการนิวเคลียร์จริงๆ
