เอพี/เอเจนซีส์/เอเอฟพี - กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯประกาศตั้ง E-TEAM หน่วยอีโบลาเคลื่อนที่เร็วที่มีเจ้าหน้าที่ 30 คนเพื่อช่วยเหลือสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคระบาดสหรัฐฯ หรือ CDC ไม่ให้โรคอีโบลาสามารถระบาดได้ในประเทศหลังจากก่อนหน้านี้ พยาบาล 2 คนจากโรงพยาบาลเทกซัส เฮลท์ ไบเพีสทีเรียนติดเชื้ออีโบลาจากการรักษาคนไข้ชาวไลบีเรีย และล่าสุดทางโรงพยาบาลต้องออกแถลงการณ์ขอโทษต่อประชาชนสหรัฐฯอย่างเป็นทางการที่เกิดความผิดพลาดขึ้นในขั้นตอนการวินิจฉัยโรคให้กับโทมัส อีริก ดันแคน ที่เสียชีวิตจากโรคร้าย
หลังจากที่มีเสียงตำหนิจากประชาชนในการรับมือโรคอีโบลาจนทำให้เกิดการติดเชื้อขึ้นครั้งแรกในสหรัฐฯถึง 2 คน จนทำให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯบารัค โอบามาได้แต่งตั้งให้ รอน เคลน (Ron Klain) อดีตตำแหน่งหัวหน้าคณะทำงานของรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน และอดีตรองประธานาธิบดีอัล กอร์ขึ้นเป็น “Ebola czar” ที่มีความรับผิดชอบในวิกฤตอีโบลาโดยตรง แต่เคลนได้รับเสียงวิจารณ์จากทางสื่อสหรัฐฯว่า เขาไม่มีความชำนาญด้านการแพทย์จึงไม่มีความเหมาะสมในตำแหน่งนี้ และในช่วงสุดสัปดาห์ที่มีการประชุมรับมืออีโบลาถึง 2 วัน แต่เคลนกับไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมด้วย ซึ่ง CNN รายงานว่าเคลนจะทำหน้าที่ประสานงานในการให้ข่าวสารเกี่ยวกับอีโบลาให้ตรงกันกับทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ หรือวุฒิสภา รวมไปถึงทำเนียบขาว
ทั้งนี้การประกาศการตั้ง E-TEAM หน่วยการแพทย์เคลื่อนที่เร็วรับมืออีโบลาของเพนตากอนเกิดจากการร้องขอในวันเสาร์(18)ของกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ซึ่งทำหน้าที่ดูแลสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคระบาดสหรัฐฯ หรือ CDC ต่อกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯให้ช่วยเหลือยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคอีโบลาถ้าหากเกิดขึ้นในประเทศ
จอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯแถลงว่า “การตั้ง E-TEAM ของเพนตากอนนั้นเป็นมาตรการเชิงรุกที่ให้ความมั่นใจกับประชาชนสหรัฐฯถึงการรับมืออย่างฉับไว มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยในการระบาดของอีโบลาในประเทศ”
และเคอร์บียังแถลงต่อว่า ทั้งนี้ ชัค ฮาเกล รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯได้สั่งการให้ U.S. Northern Command Command (USNORTHCOM) ที่มีหน้าที่ประสานงานและช่วยเหลือตามคำร้องขอของหน่วยงานราชการพลเรือนสหรัฐฯให้ “เตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่การแพทย์ 30 นาย และฝึกฝนคนเหล่านั้นเพื่อให้เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วรับมืออีโบลาในสหรัฐฯเมื่อมีการขอความช่วยเหลือ รวมถึงส่งข่าวไปให้กับเจ้าหน้าที่การแพทย์พลเรือนในสหรัฐฯ”
โดยสมาชิกในหน่วยจะถูกดึงตัวมาจากกรมกองต่างๆในสังกัด รวมไปถึงพยาบาลฉุกเฉินอีก 20 คน แพทย์ 5 คนที่ได้รับการฝึกรับมือโรคติดต่อ และผู้ให้การอบรมอีก 5 คนที่ได้รับการฝึกในกระบวนการรับมือโรคระบาด
และเพนตากอนจะส่งเจ้าหน้าที่ทั้งหมดนี้ไปเข้ารับการฝึกอย่างหนักหน่วงเป็นเวลา 7 วันที่ค่ายฟอร์ตแซมฮูสตัน( Fort Sam Houston) ในซาน อันโตนิโอ รัฐเทกซัส ซึ่งเนื้อหาการฝึกอบรมจะประกอบไปด้วยการควบคุมการติดเชื้อและอุปกรณ์ป้องกันการติดต่อโรคระบาดระดับร้ายแรง ซึ่งคาดว่าการฝึกฝนจะเริ่มต้นได้อย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์นี้ และสถาบันวิจัยทางการแพทย์ของกองทัพสหรัฐฯด้านโรคติดต่อ(Army Medical Research Institute of Infectious Diseases)จะเป็นผู้ให้การอบรม
และหลังจากเสร็จสิ้นการอบรม เจ้าหน้าที่ทั้งหมด 30 นาย จะเดินทางกลับไปยังหน่วยที่ตั้งเดิมของตน และรอเรียกตัวภายใน 30 วัน เพื่อในกรณีหากมีการร้องขอเพื่อเดินทางไปยังทุกพื้นที่ทั่วสหรัฐฯ
นอกจากนี้โฆษษกเพนตากอนยังให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า สมาชิกของทีมส่วนใหญ่จะมาจากฐานทัพต่างๆใกล้กับซาน อันโตนิโอ แต่เจ้าหน้าที่จากกองทัพเรือสหรัฐฯจะเดินทางมาจากส่วนอื่นๆของประเทศ
และหน่วยเคลื่อนที่เร็ว 30 นายนั้นจะต้องใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อซึ่งต่างจากชุดกองกำลัง 4,000 นายที่เพนตากอนจะจัดส่งไปยังไลบีเรียเพื่อช่วยเหลือรัฐบาลไลบีเรียรับมือโรคระบาด ทหารกลุ่มนั้นจะไม่มีหน้าทีต้องเข้าใกล้ผู้ป่วยติดเชื้อแต่อย่างใด
“เจ้าหน้าที่ประจำ E-TEAM นี้จะรับผิดชอบเฉพาะในสหรัฐฯเท่านั้นตามการร้องขอของหน่วยงานสาธารณสุขในประเทศ พวกเขาจะไม่ถูกส่งไปยังแอฟริกาตะวันตกแน่นอน” เคอร์บีกล่าว
ซิลเวีย เบอร์เวล รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯได้ส่งจดหมายอย่างเป็นทางการร้องขอไปยังฮาเกลในวันเสาร์(18) โดยเบอร์เวลขอให้เพนตากอนช่วยจัดตั้งทีมเคลื่อนที่เร็วให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 25 ตุลาคม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับปฎิบัติการของกระทรวงสาธารณสุข/CDC ภายใน 72 ชม.ทีมีการร้องขอ
แต่ในจดหมายเบอร์เวลกล่าวว่า หากจำเป็นต้องมีมาตรการกักกันโรคเกิดขึ่นในสหรัฐฯ ทีมหน่วยเคลื่อนที่เร็วนี้จะไม่ใช่ผู้มีส่วนต้องรับผิดชอบ
โดยก่อนหน้านี้ เอเอฟพีรายงานว่าโรงพยาบาลเทกซัส เฮลท์ ไบเพรสทีเรีย ในดัลลัส รัฐเทกซัส ต้นการระบาดได้ออกจดหมายขอโทษอย่างเป็นทางการใช้ชื่อหัวจดหมาย “ถึงชาวชุมชนดัลลัส” ผ่านหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ดัลลัส ทริบูน นิวส์ ว่า “ในฐานะของสถาบันทางการแพทย์ของชุมชน ทางโรงพยาบาลได้ทำผิดพลาดในการรับมือการระบาดของโรคร้ายที่คาดไม่ถึงนี้ และจากความผิดพลาดในการให้ข้อมูลกับทีมการรักษาในครั้งแรกของประวัติการเดินทางคนไข้ข้อมูลที่ โทมัส อีริก ดันแคน ที่เพิ่งเดินทางมาจากแอฟริกานั้นไม่ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทีมการรักษาทุกคนรับทราบถึงแม้ว่า “ประวัติการเดินทางคนไข้นี้จะได้ระบุในข้อมูลผู้ป่วยก็ตาม” แถลงการณ์ของโรงพยาบาลเทกซัส เฮลท์ ไบเพรสทีเรียน ที่ลงนามโดยประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาล บาร์เคลย์ เบอร์ดาน ( Barclay Berdan )
และแถลงการณ์ยังระบุต่อว่า “ทางโรงพยาบาลได้วินิจฉัยโรคของดันแคนผิดพลาด ทางเราขออภัยมา ณ ที่นี้” และยังเพิ่มเติมว่า “อุปกรณ์และเทคโนโลยีของโรงพยาบาลยังไม่ได้มาตรฐานเพียงพอเพื่อรับมือกับโรคร้ายเหมือนอย่างเช่นที่เคยเป็นความภาคภูมิใจเมื่อครั้งในอดีต และเป็นส่วนหนึ่งของพันธสัญญาและปรัชญาของโรงพยาบาล”
ด้านแอนโธนี เฟาซี (Anthony Fauci )หัวหน้าสถาบันการแพทย์สหรัฐฯด้านภูมิคุ้มกันและโรคระบาด ได้ให้สัมภาษณ์กับรายการวันอาทิตย์ของสถานี ABC สหรัฐฯระบุว่า ได้ปรับเปลี่ยนกระบวนการใหม่สำหรับเจ้าหน้าที่การแพทย์ในการรับมืออีโบลา โดยกำหนดให้ผู้ปฎิบัติงานไม่ให้เปิดเผยร่างกายส่วนใดในระหว่างการรักษาคนไข้ หลังจากก่อนหน้านี้ CDC แนะนำชุดป้องกันอีโบลาขั้นพื้นฐานแต่ในส่วนช่วงคอกลับไม่มีสิ่งใดปกปิด รวมไปถึงส่วนข้อมือที่อาจโผล่ออกมาเนื่องจากถุงมือไม่ได้ขนาด โดยชุดป้องกันมาตรฐานนั้นต่างจากชุดแฮสแมต(Hazmat) ที่เจ้าหน้าที่จากCDC หรือเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดที่พักของผู้ป่วยติดเชื้อสวมใส่ที่ปกปิดมิดชิด รวมไปถึงมีท่ออากาศหายใจในตัว