xs
xsm
sm
md
lg

อีโบลาเพื่อสันติ ?? WHO หนุน “อิสราเอล” และ “ปาเลสไตน์” ผนึกต้านภัยคุกคามโรคมรณะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี /เอเจนซีส์- ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาตัวแทนจากอิสราเอลและปาเลสไตน์ที่มี WHO เป็นตัวกลาง "ร่วมหารือในร่างปฎิบัติการ 2 ประเทศเพื่อหาทางรับมือภัยคุกคามโรคร้าย" ในขณะเดียวกันในกรุงเทลอาวีฟเสนอให้มีการฝึกเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุข รวมไปถึงการควบคุมเข้าออกชายแดนให้เข้มงวดเพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสอีโบลาหลุดเข้ามาได้

ในความพยายามป้องกันไวรัสอีโบลาแพร่ระบาดเข้าสู่รัฐยิว COGAT หน่วยงานประจำกระทรวงกลาโหมอิสราเอลด้านสัมพันธ์ปาเลสไตน์ประกาศว่า ทั้งปาเลสไตน์และอิสราเอลได้พบปะหารือเพื่อแผนปฎิบัติการร่วม “ในระหว่างการหารือ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อมูลล่าสุด และมีการตกลงในความร่วมมือที่จะมีการพบปะกันในครั้งต่อไปเพื่อติดตามการระบาดของโรคอีโบลา” COGAT แถลง

ทั้งนี้การประชุมระดับเจ้าหน้าที่ระหว่างอิสราเอล ปาเลสไตน์ และตัวแทนจากอนามัยโลกเกิดขึ้นในวันเสาร์เย็น(11)มีเนื้อหาระบุถึงข้อควรกังวล หรือการฝึกพิเศษเพื่อรับมือโรคร้ายสำหรับแพทย์จากปาเลสไตน์และจอร์แดน แหล่งข่าวเผยกับเอเอฟพี

“ได้มีการขอความร่วมมือกับอิสราเอลเนื่องจากมาตรการของ WHO ในการต่อต้านไวรัสอีโบลา ซึ่งถือเป็นภารกิจของประชาคมโลก” อัสซาด รามลาวี(Assad Ramlawi) เจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์กล่าวกับเอเอฟพี “ซึ่งโรคระบาดมักเกิดขึ้นได้จากการข้ามแดนเป็นปกติ ดังนั้นทางเราจึงได้ขอความร่วมมือเพราะสาเหตุนี้เพียงเท่านั้น”

ด้านนายกรัฐมนตรีเอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮูได้ประชุมร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขยิว กองทัพอิสราเอล ตำรวจ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง รวมไปถึงส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องกับการรับมือการระบาดของโรคในวันอาทิตย์(12) “เราออกมาตรการเพื่อกักกันนักเดินทางที่ป่วยซึ่งเดินทางมาจากประเทศที่เป็นจุดระบาดของโรคเพื่อทำการรักษา เพราะโรคนี้ถือเป็นโรคระบาดระดับทั่วทั้งโลก ดังนั้นอิสราเอลจึงร่วมมือกับรัฐอื่นๆเพื่อร่วมกันต้าน” เนทันยาฮูแถลง

นอกจากนี้ในแถลงการณ์ยังรวมไปถึง การเพิ่มมาตรการป้องกันการระบาดผ่านเข้ามาทางพรมแดนของประเทศ รวมไปถึงท่าอากาศยานนานาชาติเบนกูเรียน โดยชมูลเอล ซาไก (Shmuel Zakai) ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนานาชาติเบนกูเรียนใกล้กับกรุงเทลอาวีฟกล่าวว่า “สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอิสราเอลได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่เป็นจำนวนมากเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยติดเชื้อแอบเข้ามาอิสราเอลได้

ในขณะเดียวกัน ศาสตราจารย์อาร์มอน อาเฟค (Armon Afek) ผู้อำนวยการทั่วไปประจำกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลแถลงว่า ทางกระทรวงกำลังร่วมมือกับเจ้าหน้าที่การแพทย์ประจำโรงพยาบาลเพื่อร่วมป้องกันโรคอีโบลา และเจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลยังร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวการระบาดซึ่งที่ผ่านมาการระบาดได้คร่าชีวิตคนในแอฟริกาตะวันตกไม่าต่ำกว่า 4,000 คน และล่าสุดมีการติดเชื้ออีโบลาเกิดขึ้นครั้งแรกบนแผ่นดินสหรัฐฯ และ CDC หรือสำนักงานป้องกันและควบคุมโรคระบาดสหรัฐฯอ้างว่า ผู้ติดเชื้อรายที่ 2 ในรัฐเทกซัส “ไม่ทำตามกระบวนการความปลอดภัย” จนเป็นผลทำให้เกิดการติดเชื้อได้ถึงแม้พยาบาลผู้นั้นจะสวมถุงมือป้องกันในหระว่างให้การรักษาโทมัส อีริก ดันแคน คนไข้อีโบลาชาวไลบีเรียที่เพิ่งเสียชีวิตไปเพียงครั้งเดียวก็ตาม และทำให้เกิดการประท้วงของพยาบาลวิชาชีพในรัฐแคลิฟอร์เนียที่ต้องการให้ CDC ให้การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่การแพทย์สหรัฐฯให้เตรียมพร้อมรับมือกับโรคร้าย รวมไปถึงร้องขออุปกรณ์ป้องกันภัยกับผู้ปฎิบัติหน้าที่เหล่านั้น “แทนการโยนความผิดให้ว่าเป็นการละเมิดกฎความปลอดภัยในการรับมือผู้ป่วยอีโบลา”

อาเฟคแถลงผ่านสื่อท้องถิ่น Haaretzว่า “เราต้องการเห็นโรงพยาบาลในรัฐยิวมีความสามารถในการรับมือโรคระบาดความรุนแรงระดับ 4 ที่เริ่มตั้งแต่ “ระบุการติดเชื้อ” “รักษาพยาบาล” ไปจนถึง “การตรวจหาในห้องแล็บ” และอื่น” และทางกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลมีแผนการฝึกเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเพื่อรับมือเมื่อเกิดเหตุรับผู้ป่วยอีโบลา “ทางเราได้ติดต่อโรงพยาบาลจำนวนหนึ่งให้มีการฝึกซ้อมรับมือเป็นการภายใน และในอีก 2 สัปดาห์ถัดไป ทางกระทรวงจะทำการทดสอบเพื่อตรวจดูความพร้อมของโรงพยาบาลเหล่านี้เพราะทางเราเชื่อว่า ควรมีการเตรียมความพร้อมรับมือในทุกสถานการณ์อย่างทันท่วงที อย่างไรก็ตามอิสราเอลควรรับรู้ว่า “อีโบลาไม่ใช่โรคที่ระบาดง่ายดาย” รวมไปถึงไม่มีชาวยิวเป็นจำนวนมากเดินทางไปประเทศที่มีการระบาดหนัก”

การประชุมหารือระดับเจ้าหน้าที่ของสองชาติที่ออกมามีขึ้นถึงแม้จะยังไม่ปรากฏถึงการคุกคามโรคนี้ในแถบอิสราเอลและปาเลสไตน์ แต่อย่างไรก็ตามกระทรวงการท่องเที่ยวอิสราเอลรายงานว่า รัฐยิวแห่งนี้ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่นิยมในหมู่ชาวคริสเตียนแอฟริกัน และมีชาวแอฟริกันจำนวนถึง 43,000 ได้เดินทางเข้ามาอิสราเอลตั้งแต่ต้นปี 2014
กำลังโหลดความคิดเห็น