เอเจนซีส์ – ทีมทนายความชาวพม่าของแรงงานข้ามชาติ 2 คน ที่ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมสองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษบนเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ได้ทำเรื่องถึงคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และสถานเอกอัครราชทูตพม่าประจำประเทศไทย เพื่อขอให้หน่วยงานทั้งสองช่วยประสานให้เจ้าหน้าทีตำรวจอังกฤษเข้ามาพิสูจน์ดีเอ็นเอในคดีนี้ เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่า ลูกความทั้งสองเป็นผู้บริสุทธิ์
ซอลิน และวิน แรงงานชายสัญชาติพม่าได้ถอนคำให้การ หลังรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเป็นผู้สังหารนักท่องเที่ยวทั้งสองขณะตนเองมึนเมา โดยทนายความของพวกเขามั่นใจว่า ลูกความของตนจะสามารถหลุดพ้นข้อกล่าวหา ในเวลาเดียวกัน คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กำลังส่งคณะทำงานเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ
คดีฆาตกรรมคดีนี้ได้ดำเนินมาถึงจุดพลิกผันครั้งล่าสุด หลังจากประธานาธิบดี เต็ง เส่ง แห่งพม่า ร้องขอให้นายกรัฐมนตรี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเดินทางเยือนพม่าเมื่อวันศุกร์ (10) รับรองว่าจะสืบสวนคดีอย่าง “บริสุทธิ์ยุติธรรม”
ประชาชนจำนวนมาก ที่แสดงความคิดเห็นทางหน้าเว็บไซต์สื่อสังคมออนไลน์ ต่างปฏิเสธไม่ยอมรับผลการสืบสวนของตำรวจ และตั้งข้อสังเกตว่า มีความเป็นไปได้ที่ชาวพม่าทั้งสองคนอาจตกเป็นแพะรับบาปในคดีฆาตกรรม เดวิด มิลเลอร์ นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษวัย 24 ปี และฮานนาห์ วิทเธอริดจ์ นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษวัย 23 ปี โดยชาวบ้านบนเกาะเต่าพบศพของพวกเขาเมื่อวันที่ 15 กันยายน
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ได้ออกมากล่าวย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ตำรวจไม่ได้จัดฉากขึ้นมาเพื่อจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคน
คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้พยายามส่งเจ้าหน้าที่นิติเวชไปยังเกาะเต่าเพื่อตรวจสอบรายละเอียดในคดีนี้
วานนี้ (11) พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 แถลงยืนยัน มั่นใจว่าการสืบสวนดำเนินไปอย่างเป็นธรรมทุกขั้นตอน และตำรวจได้ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนไปยังสำนักงานอัยการทั้งหมดแล้ว
ทางด้าน มาร์ก เคนท์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทยได้ออกมาวิงวอนให้ผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ยุติการเผยแพร่ภาพที่ไม่เหมาะสมในคดีนี้ หรือรูปภาพบนหนังสือเดินทาง และข้อมูลของเหยื่อผู้เสียชีวิต โดยชี้ว่า ครอบครัวของผู้ตายต้องเจ็บปวดใจมามากพอแล้ว
เมื่อวันศุกร์ (10) เคนท์ ได้เผยแพร่หนังสือขอร้องผ่านทางบล็อกภาษาไทยของเขา พร้อมกันนี้เขาได้เรียกร้องให้สื่อกระแสหลักงดเว้นจากการด่วนตัดสินผู้ต้องหา และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรม
ขณะที่ สื่อไทย รวมถึงสื่อสังคมออนไลน์นั้นควรเผยแพร่ข้อมูล “อย่างเสรี โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความรับผิดชอบ”
ธวัชชัย เสียงแจ้ว อธิบดีสำนักงานอัยการภาค 8 กล่าวว่า เขายังไม่ได้รับแจ้งว่ามีการสอบปากคำสองผู้ต้องหาในเรือนจำเพิ่มเติม ขณะที่รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ปฏิเสธว่า ผู้ต้องหาไม่ได้กลับคำให้การ โดยธวัชชัยกล่าวว่า อัยการจะตั้งข้อหาโดยพิจารณาจากพยานหลักฐานในคดีเป็นหลัก รวมถึง ภาพจากกล้องวงจรปิด ที่ติดตั้งในทีเกิดเหตุ และคำให้การจากพยาน เขาระบุเพิ่มเติมว่า การถอนคำให้การของผู้ต้องหาจะไม่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจตั้งข้อหา
อัยการกำลังรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนส่งสำนวนที่ผ่านการแก้ไข และทันทีที่ส่งสำนวนไปแล้ว อัยการจะสามารถตัดสินใจได้ภายใน 7 วัน
ในเวลาเดียวกัน ยังคงมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลไปพักผ่อนที่เกาะเต่า โดยมีตำรวจท่องเที่ยว และอาสาสมัครคอยเฝ้าระวังความเรียบร้อย แต่เนื่องจากช่วงนี้ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว ทะเลมีคลื่นแรง และมีฝนตกชุกจากอิทธิพลร่องมรสุม ทำให้นักท่องเที่ยวมีจำนวนไม่มากนัก