เอเจนซีส์ - ผู้แทนสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เรียกร้องนานาชาติเข้าแทรกแซงด่วน ก่อนที่โคบานีจะตกเป็นของกลุ่มหัวรุนแรง “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) อย่างไรก็ดี แนวร่วมพันธมิตรระดมโจมตีทางอากาศอย่างหนักและต่อเนื่อง กระทั่งนักรบญิฮาดล่าถอยออกไปจากหลายพื้นที่ ด้านตุรกีแม้ภัยร้ายมาประชิดติดชายแดน แต่ยังคงตั้งเงื่อนไขหลายข้อก่อนตกลงเข้าร่วมปฏิบัติการโค่นไอเอส
สแตฟฟาน เดอ มิสตูรา ผู้แทนสหประชาชาติประจำซีเรีย ออกมาเรียกร้องเมื่อวันพุธ (8) ให้นานาชาติดำเนินการโดยเร่งด่วนเพื่อป้องกันไม่ให้นักรบกลุ่มไอเอสเข้ายึดโคบานี เมืองชายแดนที่อยู่ติดกับตุรกีสำเร็จ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังคงมีการสู้รบอย่างหนักเมื่อช่วงเช้าวันพุธ ระหว่างไอเอส ที่พยายามบุกเข้ายึดโคบานีมาตั้งแต่สามสัปดาห์ที่แล้ว และกองกำลังชาวเคิร์ดซึ่งพยายามรักษาเมืองไว้ นอกจากนี้ กลุ่มแนวร่วมที่นำโดยสหรัฐฯ ยังระดมโจมตีทางอากาศรอบเมืองต่อเนื่องจากเมื่อคืนวันอังคาร (7)
อีดริส นาห์เซน เจ้าหน้าที่โคบานีเผยว่า นักรบจากหน่วยพิทักษ์ประชาชนเคิร์ด (วายพีจี) สามารถผลักดันไอเอสออกจากพื้นที่สำคัญหลายจุด หลังการโจมตีอย่างมีประสิทธิภาพของกองกำลังพันธมิตรของสหรัฐฯ
นาห์เซนสำทับว่า นี่เป็นการล่าถอยครั้งใหญ่ที่สุดนับจากที่ไอเอสบุกเข้าโคบานี และเชื่อว่า เป็นจุดเริ่มต้นการนับถอยหลังของนักรบกลุ่มนี้ในเมืองนี้
องค์กร ซีเรียน ออบเซอร์วาทอรี ฟอร์ ฮิวแมน ไรต์ส ที่ติดตามสถานการณ์ในซีเรีย โดยมีฐานอยู่ในลอนดอน ยืนยันว่า ไอเอสถอนกำลังจากหลายพื้นที่ด้านตะวันตกของโคบานีตั้งแต่คืนวันอังคาร คงเหลืออยู่เฉพาะทางด้านตะวันออกและใต้สุดของเมืองเท่านั้น และระบุว่า การทิ้งระเบิดโจมตีของกองกำลังพันธมิตรสามารถทำลายยานพาหนะและสังหารนักรบญิฮาดกลุ่มนี้ได้เป็นจำนวนมาก
ที่วอชิงตัน จอช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาวแถลงว่า สหรัฐฯ "กังวลมาก” กับความปลอดภัยของพลเมืองในโคบานีที่เชื่อว่า ยังไม่ได้อพยพออกมาอีกหลายร้อยคน
ทั้งนี้ วอชิงตันและพันธมิตรโจมตีกลุ่มไอเอสในซีเรีย และอิรักทางอากาศรวมแล้วเกือบ 2,000 ระลอก โดยแคนาดาเป็นประเทศล่าสุดที่เข้าร่วมปฏิบัติการหลังสภาให้ความเห็นชอบเมื่อวันอังคาร (7)
สำหรับที่โคบานีนั้น สหรัฐฯ และอาหรับเปิดฉากโจมตีทางอากาศเมื่อหลายวันก่อน และเมืองนี้กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญในการต่อต้านไอเอส เนื่องจากหากนักรบหัวรุนแรงกลุ่มนี้สามารถยึดได้จะทำให้อาณาเขตที่ครอบครองเพื่อก่อตั้งรัฐอิสลามครอบคลุมพื้นที่บางส่วนในอิรักและซีเรียจนจรดชายแดนตุรกี
กระนั้น แม้ภัยร้ายมาประชิดชายแดน และแม้ถูกกดดันอย่างหนักจากนานาชาติ แต่ตุรกียังไม่ยอมประกาศมาตรการทางทหารใดๆ
เมื่อวันอังคาร (7) ประธานาธิบดี เรเซป ตอยยิป เออร์โดแกนของตุรกี เตือนว่า โคบานี “กำลังจะแตก” และการโจมตีทางอากาศของตะวันตกยังไม่เพียงพอ จำเป็นต้องมีกองกำลังภาคพื้นดินเข้าไปขับไล่ไอเอส
เออร์โดแกนตั้งเงื่อนไข 3 ข้อก่อนเข้าแทรกแซงสถานการณ์ในโคบานี ได้แก่ การประกาศเขตห้ามบินและพื้นที่กันชน และการฝึกนักรบของกลุ่มกบฏสายกลายของซีเรีย
เมื่อวันอังคาร (7) เจน ซากี โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แถลงถึงท่าทีของตุรกีว่า รัฐมนตรีต่างประเทศ จอห์น เคร์รี ได้หารือกับนายกรัฐมนตรี อาเหม็ด ดาวูโตกลู ของตุรกี 2 ครั้งในช่วงไม่กี่วันมานี้ นอกจากนั้น พลเอกจอห์น อัลเลน ที่รับผิดชอบในการรวบรวมแนวร่วมต่อต้านไอเอส ยังเตรียมเยือนตุรกีปลายสัปดาห์นี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรีย
ขณะเดียวกัน การนิ่งเฉยของตุรกีสร้างความเดือดดาลให้แก่ชาวเคิร์ดทั่วประเทศ โดยเมื่อคืนวันอังคารจนถึงวันพุธ มีการประท้วงในหลายเมืองจนนำไปสู่การปะทะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 คน และบาดเจ็บอีกหลายสิบคน
นอกจากนี้ ชาวเคิร์ดพลัดถิ่นหลายสิบคนยังบุกเข้าไปในรัฐสภายุโรปที่กรุงบรัสเซลส์ เบลเยียม รวมทั้งรวมตัวประท้วงหน้าสำนักงานใหญ่ของยูเอ็น ในนครเจนีวา
