เอเอฟพี - ทูตยูเอ็นประจำซีเรียเรียกร้องในวันอังคาร (7 ต.ค.) ประชาคมนานาชาติควรดำเนินการทันทีเพื่อปกป้องเมืองโคบานีของซีเรียที่กำลังตกอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกรัฐอิสลาม (ไอเอส) ส่วนสหรัฐฯ บอกกังวลต่อชะตากรรมของชาวบ้านในเมืองดังกล่าวเป็นอย่างมาก หลังปฏิบัติการโจมตีทางอากาศไม่อาจสกัดนักรบกลุ่มนี้ ขณะที่ตุรกีที่มีชายแดนติดกันก็ยังไม่ใช้กำลังทหารเข้าแทรกแซง
“โลก เราทุกคน จะต้องเสียใจอย่างสุดซึ้งหากว่าไอเอส (รัฐอิสลาม) สามารถยึดเมืองนี้ที่ต่อสู้เพื่อปกป้องตนเองอย่างเด็ดเดี่ยว แต่ก็ไม่ใกล้เคียงที่จะทำแบบนั้น เราจำเป็นต้องลงมือในตอนนี้เลย” สตาฟฟาน เดอ มิสทูรา ทูตสหประชาติประจำซีเรียกล่าว “ประชาคมนานาชาติจำเป็นต้องปกป้องพวกเขา ประชาคมนาชาติมิอาจให้อีกเมืองตกอยู่ในเงื้อมมือของรัฐอิสลามอีกแล้ว” เขากล่าว
ความเห็นของเขามีขึ้นหลังจากตุรกีและนักวิเคราะห์เตือนว่าไอเอสใกล้ยึดโคบานี เมืองยุทธศาสตร์สำคัญใกล้ชายแดนตุรกีได้อย่างสมบูรณ์แล้ว แม้ว่าพวกนักรบชาวเคิร์ดพยายามต่อสู้ปกป้องตนเองมานานหลายสัปดาห์
การสูญเสียโคบานี เมืองชาวเคิร์ดใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของซีเรียให้แก่กลุ่มไอเอส จะกลายเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของพวกหัวรุนแรง ซึ่งมีเป้าหมายควบคุมพื้นที่ตามแนวชายแดนเป็นทางยาว เพื่อประกาศสถาปนารัฐอิสลามที่ปกครองด้วยระบบคอลีฟะห์ (Caliphate หรือ กาหลิบ)
ในขณะการต่อสู้เข้าสู่ระยะสำคัญ ด้วยเครื่องบินรบสหรัฐฯและชาติอาหรับปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มฐานที่มั่นต่างๆ ของพวกไอเอสใกล้เมืองโคบานี แต่ เดอ มิสทูรา ยืนยันว่าพวกนักรบญิฮัดยังคงรุกคืบอย่างต่อเนื่อง เหตุเพราะผู้ปกป้องตนเองชาวเคิร์ดมีแค่อาวุธปกติ ผิดกับนักรบไอเอสที่มีทั้งรถถังและปืนครก
ทูตยูเอ็นประจำซีเรียรายนี้ยกย่องตุรกีต่อความพยายามช่วยเหลือทางมนุษยธรรมด้วยการรับผู้อพยพชาวเมืองโคบานีกว่า 200,000 คน แต่ย้ำว่าสิ่งที่จำเป็นในตอนนี้คือมาตรการที่เป็นรูปธรรม พร้อมเตือนว่าหากปราศจากความช่วยเหลือจากนานาชาติ ผลลัพธ์อาจเลวร้ายกว่าที่คาด “โลกได้เห็นกับตาตนเองแล้ว กับภาพที่เกิดขึ้นเมื่อเมืองๆหนึ่งในซีเรียหรืออิรักถึงยึดครองโดยกลุ่มก่อการร้ายที่เรียกตัวเองว่าไอเอส มันมีทั้งการสังหารหมู่ หายนะทางมนุษยธรรม การข่มข่นและความรุนแรงอันน่าสยดสยอง”
คำพูดของทูตยูเอ็นประจำซีเรีย สอดคล้องกับฝั่งสหรัฐฯ ที่ในวันเดียวกัน นายจอช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียยขาวบอกกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน ว่าวอชิงตันมีความกังวลอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยของประชาชนผู้บริสุทธิ์ของเมืองโคบานี
ก่อนหน้าที่สหรัฐฯ จะแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าว ประธานาธิบดีเรเซฟ เทย์ยิป เออร์โดกัน แห่งตุรกี ออกมาเตือนว่าเมืองโคบานี กำลังตกอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกรัฐอิสลาม หลังเดินหน้าจู่โจมอย่างไม่ลดละเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 การสู้รบที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 400 ศพอีกชาวบ้านอีกหลายแสนคนต้องหลบหนีออกจากที่พักอาศัย
แนวโน้มที่เมืองแห่งนี้จะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของไอเอส เพิ่มแรงกดดันให้ตุรกีอาจต้องเข้าร่วมกับพันธมิตรนานาชาติในการสู้รบกับพวกหัวรุนแรงกลุ่มนี้ หลังจากจนถึงตอนนี้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศที่นำโดยสหรัฐฯ ล้มเหลวที่จะหยุดยั้งการรุกคืบของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ในวันอังคาร (7 ต.ค.) ตุรกี กดดันสหรัฐฯ เดินหน้าโจมตีทางอากาศหนักหน่วงยิ่งขึ้น ขณะที่ประธานาธิบดีเออร์โดกัน บอกว่าระเบิดเพียงอย่างเดียวไม่พอที่จะกำราบพวกไอเอสและเตรียมนำเสนอข้อเรียกร้องของตุรกีเกี่ยวกับมาตรการเพิ่มเติมต่างๆ ก่อนที่อังการาจะตัดสินใจเข้าแทรกแซง
“ปัญหาของพวกรัฐอิสลาม ไม่สามารถแก้ได้ผ่านการทิ้งระเบิด ตอนนี้โคบานีกำลังล่มสลาย” เขากล่าวระหว่างตรวจเยี่ยมค่ายผู้อพยพชาวซีเรีย “เราเคยเตือนตะวันตกแล้ว เราต้องการ 3 สิ่ง ได้แก่ เขตห้ามบิน เขตความมั่นคงที่ขนานกัน และฝึกฝนกบฏซีเรียสายกลาง”
เขาบอกว่าตุรกีพร้อมดำเนินการทันทีหากว่ามีภัยคุกคามกับทหารตุรกีที่คุ้มกันโบราณสถานแห่งหนึ่งในซีเรีย ที่อังการามองว่ามันอยู่ในอาณาเขตของพวกเขา แต่จนถึงตอนนี้ตุรกียังไม่เคลื่อนไหวเข้าร่วมสู้รบข้ามพรมแดนใดๆ