เอเอฟพี – กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอิรักและซีเรียอาจมีกองกำลังนักรบญิฮาดระหว่าง 20,000-31,500 คน ซึ่งสูงกว่าตัวเลข 10,000 ที่สหรัฐฯเคยประเมินเอาไว้ สำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) แถลงเตือนเมื่อวานนี้(11)
“สำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ ได้วิเคราะห์รายงานข่าวกรองจากทุกแหล่งในช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม และสรุปได้ว่า กลุ่มรัฐอิสลามอาจระดมพลนักรบญิฮาดได้ระหว่าง 20,000-31,500 คน ทั่วทั้งอิรักและซีเรีย” ไรอัน ทราปานี โฆษกซีไอเอ ระบุในถ้อยแถลง
“ตัวเลขโดยรวมนี้สะท้อนให้เห็นว่า สมาชิกของไอเอสเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมิถุนายน หลังจากพวกเขาได้รับชัยชนะในการต่อสู้และประกาศจัดตั้งรัฐคอลีฟะห์ ตลอดจนกิจกรรมการรบที่เข้มข้นขึ้น และงานด้านข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพขึ้น”
นักรบญิฮาดที่ปฏิบัติการอยู่ในซีเรียนั้นเป็นชาวต่างชาติประมาณ 15,000 คน โดยราว 2,000 คนมาจากประเทศตะวันตก
รายงานของซีไอเอชิ้นนี้ถูกเผยแพร่ 1 วัน หลังจากที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ประกาศจะขยายการโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มไอเอสในซีเรียและอิรัก และให้การสนับสนุนกองกำลังของรัฐบาลอิรักเพิ่มขึ้น
เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ ได้แสดงความเป็นห่วงว่า นักรบญิฮาดสุหนี่ซึ่งถือหนังสือเดินทางตะวันตกอาจกลับจากสมรภูมิในตะวันออกกลางเพื่อมาก่อเหตุโจมตีในบ้านเกิดของพวกตนที่ยุโรปและอเมริกา
ไอเอส บุกยึดพื้นที่ตอนเหนือของอิรักเป็นอาณาบริเวณกว้างขวาง และใช้ยุทธวิถีการรบแบบป่าเถื่อน มิหนำซ้ำยังนำคลิปวีดีโอขณะ “ฆ่าตัดหัว” นักข่าวอเมริกัน 2 รายมาเผยแพร่ให้ทั่วโลกรับรู้อย่างไม่เกรงกลัว
ทำเนียบขาวยืนยันว่า ประธานาธิบดี โอบามา สามารถสั่งการโจมตีกลุ่มไอเอสในอิรักและซีเรียได้ โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายที่ผ่านสภาคองเกรสหลังเกิดเหตุวินาศกรรมสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 11 กันยายน ปี 2001
อย่างไรก็ดี โอบามา อาจจะต้องรอให้สภาคองเกรสอนุมัติแผนฝึกซ้อม และติดอาวุธให้แก่กบฏซีเรียสายกลาง ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของอเมริกาในการปราบปรามกลุ่มไอเอสให้สิ้นซาก
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงวานนี้(11)ด้วยว่า สหรัฐฯจะเริ่มใช้ฐานทัพในเมืองอาร์บิล เมืองหลวงของเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถานแห่งอิรัก เป็นฐานปล่อยเครื่องบินโจมตี เพื่อให้การจู่โจมกลุ่มไอเอสเป็นไปอย่างเข้มข้นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น