รอยเตอร์ – ทีมนักวิทยาศาสตร์ซึ่งศึกษาลักษณะการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลาประกอบกับข้อมูลการเดินทางของสายการบินต่างๆ ทำนายว่ามีโอกาสสูงถึง 75% ที่ไวรัสมรณะจะถูกนำเข้าไปยังฝรั่งเศสภายในวันที่ 24 ตุลาคมนี้ ขณะที่อังกฤษเสี่ยงจะรับผู้ติดเชื้อรายแรกเข้าประเทศในช่วงเวลาเดียวกันถึง 50%
ตัวเลขดังกล่าวตั้งอยู่บนเงื่อนไขที่ว่าการคมนาคมขนส่งทางอากาศเป็นไปอย่าง “เต็มศักยภาพ” แต่หากตั้งสมมติฐานให้การเดินทางเชื่อมต่อลดลงถึง 80% เพื่อให้สะท้อนความจริงที่ว่าสายการบินหลายแห่งได้ยกเลิกเที่ยวบินไปยังภูมิภาคที่มีการแพร่ระบาด ฝรั่งเศสจะยังคงมีความเสี่ยงอยู่ 25% ส่วนอังกฤษลดลงมาเหลือ 15%
“มันไม่ต่างอะไรกับการซื้อหวย” เดเร็ก แกเธอเรอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสจากมหาวิทยาลัยแลงคาสเตอร์ ซึ่งเฝ้าติดตามการระบาดของอีโบลาครั้งรุนแรงนี้อย่างใกล้ชิด ระบุ
อีโบลาได้คร่าชีวิตผู้ป่วยในแอฟริกาตะวันตกไปแล้วกว่า 3,400 คนตั้งแต่เดือนมีนาคม และดูเหมือนไวรัสจะกระจายตัวเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนมีผู้ติดเชื้อแล้วเกือบ 7,200 คนในปัจจุบัน
ไนจีเรีย เซเนกัล รวมถึงสหรัฐฯ ต่างรับผู้ติดเชื้ออีโบลาเข้าประเทศไปโดยไม่รู้ตัว โดยกรณีของสหรัฐฯนั้นเพิ่งจะพบผู้ป่วยในประเทศรายแรกเมื่อวันอังคารที่แล้ว(29) โดยชายผู้นี้เพิ่งจะแสดงอาการหลังเดินทางจากไลบีเรียไปถึงแผ่นดินอเมริกาแล้วหลายวัน
ฝรั่งเศสมีแนวโน้มที่จะรับผู้ติดเชื้อเข้าประเทศ เนื่องจากผู้ใช้ภาษาฝรั่งเศสในกินี เซียร์ราลีโอน และไลบีเรีย เดินทางกลับไปยังเมืองน้ำหอมเป็นจำนวนมาก ส่วนอังกฤษนั้นมีความเสี่ยงเช่นกัน เพราะสนามบินนานาชาติฮีทโธรว์เป็นศูนย์กลางการบินที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ก่อนหน้านี้ ฝรั่งเศสและอังกฤษต่างรับพลเมืองของตนเองที่ติดเชื้ออีโบลาในแอฟริกาตะวันตกกลับไปรักษาที่บ้านเกิด และทั้ง 2 คนมีอาการดีขึ้นแล้ว แต่งานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้ชี้ว่า อาจมีนักเดินทางรายอื่นๆ นำไวรัสไปแพร่ในยุโรปโดยที่เจ้าตัวก็ไม่ทราบ
“หากอีโบลายังแพร่กระจายในแอฟริกาตะวันตกต่อไป และแน่นอนว่าจะรุนแรงขึ้นด้วยอย่างที่ผู้เชี่ยวชาญบางท่านทำนายไว้ ก็จะต้องมีผู้ติดเชื้อที่ขึ้นเครื่องบินไปลงในประเทศยุโรปเข้าไม่วันใดก็วันหนึ่ง” แกเธอเรอร์ กล่าว
นอกจากฝรั่งเศสและอังกฤษแล้ว เบลเยียมก็มีความเสี่ยง 40% ที่เชื้ออีโบลาจะแพร่ไปถึง ส่วนสเปนและสวิตเซอร์แลนด์มีความเสี่ยงเท่ากันอยู่ที่ 14%
งานวิจัยชิ้นนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกลงในวารสาร PLoS Current Outbreaks และยังคงอัปเดตข้อมูลใหม่ตลอดเวลาทางเว็บไซต์ http://www.mobs-lab.org/ebola.html
องค์การอนามัยโลก (WHO) ไม่ได้ประกาศเตือนการเดินทางไปยังไลบีเรีย กินี และเซียร์ราลีโอน และยังสนับสนุนให้สายการบินทั่วโลกให้บริการไปยังจุดหมายปลายทางใน 3 ประเทศดังกล่าวตามปกติ อย่างไรก็ดี บริติชแอร์เวย์ส และ เอมิเรตส์ ตัดสินใจที่จะระงับเที่ยวบินบางส่วน
ผู้ป่วยจะมีภาวะการแพร่เชื้อสูงสุดเมื่ออีโบลาเจริญถึงขั้นสุดท้าย ซึ่งจะทำให้เกิดอาการเลือดออกทั้งภายนอกและภายใน อาเจียน และท้องร่วง โดยสารคัดหลั่งที่ออกมาจากร่างกายผู้ป่วยล้วนเต็มไปด้วยเชื้อไวรัสที่พร้อมจะแพร่ต่อไปยังผู้ใดก็ตามที่เผลอไปสัมผัสมัน
เนื่องจากอีโบลามีระยะฟักตัวยาวนานสูงสุดถึง 21 วัน ดังนั้น ผู้ที่ได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกายอาจจะไม่รู้ตัว และไม่มีอาการบ่งชี้ใดๆ อยู่นานหลายสัปดาห์ ซึ่งตรงกับกรณีของ โทมัส เอริค ดันแคน หนุ่มชาวไลบีเรียซึ่งเดินทางไปสหรัฐฯ และพำนักอยู่ที่นั่นหลายวัน ก่อนจะแสดงอาการป่วยและถูกส่งไปรักษาแยกเดี่ยวที่โรงพยาบาลในเมืองดัลลัส รัฐเทกซัส
