ญี่ปุ่นหวังการประท้วงในฮ่องกงไม่กระทบความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ

เอเอฟพี - ญี่ปุ่นออกมาแสดงความเห็นในวันนี้ (3 ต.ค.) เรื่องความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลและกลุ่มนักศึกษาที่ออกมาประท้วงในฮ่องกง โดยเรียกร้องให้มีการรักษาระบบที่เสรีและเปิดกว้างเอาไว้ จะได้ไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น-ฮ่องกง

หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรี "โยชิฮิเดะ ซูกะ" ระบุว่า ญี่ปุ่นหวังเป็นอย่างยิ่งว่าระบบเสรีและเปิดกว้างของฮ่องกงภายใต้หลักการ 1 ชาติ 2 ระบบ จะยังคงอยู่ต่อไป เพื่อที่ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างญี่ปุ่นและฮ่องกงจะได้ถูกรักษาเอาไว้

"ญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกับฮ่องกง อนาคตของฮ่องกงจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับญี่ปุ่น" เขากล่าวในการแถลงข่าวช่วงเช้า

ซูกะ บอกอีกว่า ความเจริญรุ่งเรืองของฮ่องกงไม่ได้ส่งผลดีต่อจีนเท่านั้น แต่ส่งผลดีต่อทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค ซึ่งรวมถึงญี่ปุ่นด้วย

การแสดงความเห็นครั้งนี้ เกิดขึ้นในขณะที่เหล่านักศึกษาผู้ออกมาประท้วงในฮ่องกง ยอมตกลงที่จะพูดคุยกับทางรัฐบาล โดยที่ยังคงเดินหน้าประท้วงต่อไป

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ซูกะก็บอกว่า ญี่ปุ่นเองก็กำลังจับตาดูอยู่ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

"มันคงจะดีที่สุดหากฮ่องกงสามารถแก้ปัญหาการประท้วงครั้งนี้ได้" เขากล่าวโดยที่ไม่อธิบายว่าจะทำได้อย่างไร

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า บริษัทญี่ปุ่นกว่า 1,200 แห่ง มีสำนักงานอยู่ในฮ่องกง

ญี่ปุ่นถือเป็นคู่ค้าที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของฮ่องกง ตามหลังจีนแผ่นดินใหญ่และสหรัฐอเมริกา ในขณะเดียวกันเกาะแห่งนี้ที่เคยเป็นอดีตอาณานิคมของอังกฤษ ก็เป็นแหล่งส่งออกสินค้าเกษตรที่ใหญ่ที่สุดสำหรับญี่ปุ่น รวมถึงยังมีความสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวที่ดีต่อกันด้วย

จีนค่อนข้างอ่อนไหวง่ายเวลาที่มีต่างชาติเข้ามาวุ่นวายกับเรื่องกิจการภายใน ทั้งยังเคยเตือนรับบาลของหลายชาติว่าไม่ควรเข้ามายุ่งกับความขัดแย้งครั้งนี้ ดังนั้นการแสดงความเห็นของญี่ปุ่นในคราวนี้จึงอาจจะสร้างความไม่พอใจให้กับจีน

ทั้งสองประเทศระหองระแหงกันในช่วงปีหลังๆ จากข้อพิพาทเรื่องหมู่เกาะที่ต่างฝ่ายพยายามอ้างสิทธิ์ครอบครอง

ตอนนี้ทั่วโลกกำลังจับตามองนักศึกษานับหมื่นที่ออกมาประท้วงตามท้องถนนในฮ่องกง จนทำให้ศูนย์กลางทางการค้าแห่งนี้ต้องชะงักงัน พวกเขาไม่พอใจเกี่ยวกับวิธีที่จีนจะใช้ในการเลือกผู้นำของเกาะฮ่องกงในปี 2017

พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เสนอให้มีการโหวตเสียงได้คนละ 1 เสียง แต่ผู้สมัครชิงตำแหน่งจะต้องผ่านการรับรองจากจีนก่อนเท่านั้น ซึ่งวิธีการนั้นเป็นสิ่งที่กลุ่มผู้ประท้วงเรียกว่า "ประชาธิปไตยจอมปลอม"