เอเอฟพี – นาวิกโยธินฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ หลายพันคนเริ่มต้นปฏิบัติการซ้อมรบในทะเลจีนใต้ ใกล้กับน่านน้ำพิพาทที่จีนอ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อนกับบรรดาชาติเพื่อนบ้านของตน วันนี้(29)
การฝึกซ้อมยกพลขึ้นบกแบบสะเทินน้ำสะเทินบกนาน 12 วันครั้งนี้มีทหารเรือและนาวิกโยธินของสหรัฐฯ ราว 3,500 นาย และของฟิลิปปินส์อีก 1,200 นายเข้าร่วม โดยเริ่มเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการที่เกาะปาลาวันซึ่งอยู่ทางตะวันตกของแดนตากาล็อก และหันหน้าออกสู่ทะเลจีนใต้
จีนอ้างกรรมสิทธิ์เหนือท้องทะเลแห่งนี้เกือบทั้งหมด และท่าทีก้าวร้าวของปักกิ่งก็ได้ทวีความตึงเครียดกับเหล่าประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงฟิลิปปินส์ซึ่งอ้างสิทธิ์ทับซ้อนเหนือพื้นที่บางส่วนของน่านน้ำเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม เรือโท เจอร์เบอร์ แอนโธนี เบโลนิโอ โฆษกหน่วยนาวิกโยธินแดนตากาล็อก ยืนยันว่า สถานที่จัดพิธีเปิดไม่ได้จงใจให้เกี่ยวโยงกับข้อพิพาทดินแดน
“ไม่มีอะไรที่เชื่อมโยงกันทั้งนั้น มันเป็นเพียงการแสดงศักยภาพของกองพลน้อยขึ้นบกชุดใหม่ของนาวิกโยธินฟิลิปปินส์ ซึ่งบังเอิญมีฐานอยู่ที่เกาะปาลาวัน” เขาบอกกับเอเอฟพี
ในระยะหลังมานี้ ฟิลิปปินส์ได้เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งให้กับทรัพย์สินทางทหารของตนในเกาะปาลาวัน ซึ่งเป็นด่านหน้าหลักสู่ทะเลจีนใต้ น่านน้ำซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือและพื้นที่ทำประมงที่สำคัญ ตลอดจนเชื่อว่ามีแหล่งแร่ธาตุมหาศาลสั่งสมอยู่
นอกจากนี้ กองทัพซึ่งด้อยเรื่องยุทโธปกรณ์ของฟิลิปปินส์ยังกำลังพัฒนาความสัมพันธ์กับพันธมิตรด้านความมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสหรัฐฯ ซึ่งเคยเป็นเจ้าอาณานิคมของตน เพื่อรับมือภัยคุกคามจากท่าทีทางทหารของแดนมังกร
หน่วยบัญชาการนาวิกโยธินสหรัฐฯ (US Marine Corps) ระบุว่า การซ้อมรบครั้งนี้จะ “ยกระดับการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างกองทัพเรือและกองกำลังนาวิกโยธินของสหรัฐฯและฟิลิปปินส์ โดยมุ่งเน้นที่การพัฒนาให้ทั้งสองฝ่ายตอบสนองต่อประเด็นในภูมิภาค และวิกฤตความมั่นคงในน่านน้ำได้ดียิ่งขึ้น”
การซ้อมรบในปีนี้จะประกอบด้วยการฝึกซ้อมยิงปืนใหญ่และอาวุธเบาด้วยกระสุนจริง รวมถึงปฏิบัติการจู่โจมด้วยยานเกราะ และทหารพลร่ม
เรือยูเอสเอส เพเลลิว ซึ่งเป็นเรือโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบกของสหรัฐฯ พร้อมด้วยเรือสนับสนุนอีก 2 ลำ ได้มาถึงอดีตฐานทัพเรือซูบิกของสหรัฐฯแล้วในสัปดาห์นี้ เพื่อเข้าร่วมการซ้อมรบดังกล่าว
เมื่อเดือนเมษายน ฟิลิปปินส์และสหรัฐฯได้ลงนามข้อตกลงความมั่นคงฉบับใหม่ ซึ่งทำให้กองกำลังแดนอินทรีเข้าถึงฐานทัพต่างๆ ของฟิลิปปินส์ได้มากขึ้น ในฐานะส่วนหนึ่งของการปรับสมดุลอำนาจทางทหารของสหรัฐฯสู่เอเชีย ซึ่งเหล่านักวิเคราะห์มากมายมองว่า เป็นการเข้าขัดขวางอำนาจที่กำลังเฟื่องฟูของจีน