xs
xsm
sm
md
lg

“โอบามา” บอก US พร้อมเป็นผู้นำโลกที่กำลังเปลี่ยน-ต้องการกฎกติกาใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ - “โอบามา” ขึ้นเวทียูเอ็นโชว์ “วิสัยทัศน์” มุ่งขายความเป็นผู้นำของอเมริกา ในโลกที่เขาย้ำว่าเป็นโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง ซึ่งจำเป็นต้องมีพิมพ์เขียวฉบับใหม่มารองรับวิกฤตต่างๆ ที่ประดังประเดเข้ามาพร้อมๆ กันในเวลานี้ ทั้งการก่อการร้าย ภาวะโลกร้อน และความท้าทายด้านสุขภาพ ประมุขทำเนียบขาวยังประณามรัสเซียกรณียูเครนว่า เป็นตัวอย่างของประเทศที่ไม่เคารพกฎและบรรทัดฐานสากล

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ขึ้นปราศรัยในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ เมื่อวันพุธ (24 ก.ย.) ว่า ขณะนี้โลกมาถึงทางแยกระหว่าง “สงครามกับสันติภาพ” "ความไร้ระเบียบกับความสมานฉันท์” และ “ความกลัวกับความหวัง”

ประมุขสหรัฐฯ กล่าวกับบรรดาผู้นำและผู้แทนจาก 193 ประเทศว่า โลกไม่สามารถพึ่งพิงกฎกติกาที่บัญญัติไว้ในศตวรรษก่อนหน้านี้ได้อีกต่อไป โดยประเด็นที่โอบามาให้ความสำคัญมากที่สุดในการปราศรัยครั้งนี้คือ การเผด็จศึกนักรบญิฮัดกลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ในอิรักและซีเรีย

โอบามายืนกรานว่า นี่ไม่ใช่เป็นสงครามของอเมริกาเพียงลำพัง แต่มีแนวร่วมจากกว่า 50 ชาติให้การสนับสนุน พร้อมกันนั้นก็ยืนยันว่า การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่การปะทะระหว่างอารยธรรมที่แตกต่างกัน

“ความเชื่อว่าจะต้องทำสงครามศาสนากันอย่างถาวร เป็นข้ออ้างของพวกหัวรุนแรงที่ไม่สามารถสร้างสิ่งใดๆ ได้ จึงอาศัยหากินกับความเกลียดชังและความบ้าคลั่ง” ผู้นำสหรัฐฯ ยังกล่าวถึงความจำเป็นในการจัดการกับต้นตอของลัทธิก่อการร้าย ด้วยการเสนอทางเลือกให้คนหนุ่มสาวที่กำลังถูกชักชวนให้เข้าร่วมกับกลุ่มนักรบหัวรุนแรงสุดโต่ง

อย่างไรก็ตาม ในความเห็นของโอบามาแล้ว สงครามที่กำลังขยายตัวเพื่อถอนรากถอนโคนไอเอส เป็นเพียงหนึ่งในวิกฤตการณ์ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่

ทั้งนี้ บัน คีมุน เลขาธิการใหญ่ยูเอ็นก็ดูจะสนับสนุนทัศนะเช่นนี้ โดยก่อนหน้านั้น ระหว่างที่เขากล่าวเปิดการประชุมประจำปีสมัชชาใหญ่คราวนี้ บันบอกว่า นับจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่เคยมีช่วงเวลาใดที่โลกมีผู้ลี้ภัย ผู้พลัดถิ่นฐาน และผู้ขอลี้ภัยมากเท่านี้มาก่อน

ประมุขทำเนียบขาวแจกแจงว่า นอกจากเรื่องไอเอสแล้ว โลกยังกำลังเผชิญความท้าทายในการจัดการกับวิกฤตโรคอีโบลาในแอฟริกาตะวันตก การจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรทั่วโลกอันเข้มแข็งเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน และการผลักดันการเจรจาโครงการนิวเคลียร์กับอิหร่าน พร้อมกันนั้นเขาก็ข้อสังเกตแบบแขวะผู้นำอิสราเอลเล็กๆ ว่า ขณะนี้มีชาวอิสราเอลจำนวนมากพร้อมที่จะทอดทิ้ง “ความพยายามทุ่มเทเพื่อสันติภาพ” ไปเสียแล้ว

อย่างไรก็ตาม โอบามาให้น้ำหนักยิ่งกว่ามากในเวลาที่เขาวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของรัสเซียในยูเครน โดยเขากล่าวหาแดนหมีขาวทั้งการจัดหาอาวุธให้กบฏแบ่งแยกดินแดน การไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่นานาชาติเข้าตรวจสอบบริเวณที่สายการบินพาณิชย์ถูกยิงตก รวมทั้งการสั่งสมกำลังตามแนวชายแดนติดกับยูเครน และระบุว่าเป็นตัวอย่างของสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อประเทศหนึ่งไม่เคารพกฎหมายและบรรทัดฐานสากล พร้อมเรียกร้องให้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เดินตาม “แนวทางการทูตและสันติภาพ” และอุดมการณ์ที่ยูเอ็นยึดถือ

ผู้นำแดนอินทรีเสริมว่า หากมอสโกปฏิบัติได้ตามนั้น วอชิงตันจะยกเลิกมาตรการลงโทษที่กำลังสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจรัสเซียในขณะนี้

เป็นที่น่าสังเกตว่า สถานการณ์โลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายตามที่โอบามาปราศรัยในครั้งนี้ แตกต่างอย่างมากจากการขึ้นเวทีเดียวกันเมื่อ 12 เดือนก่อน ที่ผู้นำสหรัฐฯ ชูแนวทางการทูตสำหรับแนวรบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นความพยายามผลักดันการสร้างสันติภาพรอบใหม่ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ และการส่งสัญญาณว่า ความขัดแย้งระหว่างอเมริกากับอิหร่านยาวนานหลายทศวรรษอาจผ่อนคลายลง

ทว่า นับจากนั้นจนถึงวันนี้ การเจรจาสันติภาพตะวันออกกลางยังคงคว้าน้ำเหลว ขณะที่การเจรจาเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านที่มีอเมริกาและนานาชาติร่วมหารือมาถึงทางตัน กระทั่งหลายฝ่ายไม่แน่ใจว่า จะสามารถบรรลุข้อตกลงตามกำหนดในวันที่ 24 พฤศจิกายน

และแม้ประกาศว่า วอชิงตันเป็นผู้ขับเคลื่อนสำคัญสำหรับสันติภาพและความมั่นคงทั่วโลก แต่โอบามาก็ยอมรับว่า มีบางครั้งอเมริกาก็หละหลวมกับอุดมการณ์เหล่านี้ โดยยกตัวอย่างการปะทะระหว่างตำรวจกับผู้ประท้วงในเมืองเฟอร์กูสัน หลังตำรวจผิวขาวยิงวัยรุ่นผิวดำเสียชีวิต
กำลังโหลดความคิดเห็น