เอเอฟพี - สหภาพยุโรปในวันพุธ (17 ก.ย.) ชี้ว่ากฎหมายของยูเครนที่เสนอนิรโทษกรรมแก่ฝ่ายกบฏนิยมรัสเซียและมอบสถานะพิเศษในดินแดนทางภาคตะวันออกของประเทศ คือก้าวย่างสำคัญสำหรับมุ่งสู่การแก้ปัญหาอย่างสันติ ขณะที่มอสโกก็ชื่นชมต่อความเคลื่อนไหวดังกล่าวของเคียฟและหวังว่ามันจะมีผลโดยสมบูรณ์
กฎหมายปกครองตนเองและนิรโทษกรรม ซึ่งได้รับความเห็นพ้องจากทั้งเคียฟและมอสโก ในแผนสันติภาพที่ลงนามกันที่กรุงมินสก์ ประเทศเบลารุสเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ดูเหมือนเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงที่สุดที่จะยุติความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานกว่า 5 เดือน
“ในมุมมองของเราคือยูเครนปฏิบัติตามข้อตกลงมินสก์” มาจา โคจิคานชิช โฆษกฝ่ายกิจการต่างประเทศของสหภาพยุโรปบอก “กฎหมายนิรโทษกรรมและมอบสถานภาพท้องถิ่นคือก้าวย่างที่สำคัญสำหรับมุ่งสู่การหาทางออกทางการเมืองอย่างยั่งยืน”
ในถ้อยแถลงของฝ่ายกิจการต่างประเทศของสหภาพยุโรปที่เผยแพร่ในเวลาต่อมาก็ย้ำถึงความเห็นดังกล่าว แต่เพิ่มเติมว่าบรัสเซลส์ คาดหมายรัสเซียและฝ่ายกบฏจะยึดมั่นในพันธสัญญาของพวกเขาต่อข้อตกลงมินสก์
“เราคาดหมายว่ารัสเซียและพวกแบ่งแยกดินแดนจะเคลื่อนไหวยื่นหมูยื่นแมวเร็วๆ นี้ ด้วยการบังคับใช้เงื่อนไขที่เหลืออยู่จากข้อตกลงมินสก์ทั้งหมด 12 ข้อ” ถ้อยแถลงระบุ พร้อมบอกต่อว่า “โดยเฉพาะในนั้นครอบคลุมถึงการถอนกำลังกลุ่มติดอาวุธผิดกฎหมาย ยุทโธปกรณ์ทางทหารและนักรบ รวมถึงทหารรับจ้างออกจากยูเครน เช่นเดียวกับเปิดทางให้โอเอสซีอี (องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป) เข้าสังเกตการณ์บริเวณจุดควบคุมตามแนวชายแดน”
ฝ่ายกบฏฝักใฝ่รัสเซียแสดงความยินดีอย่างระมัดระวังต่อมาตรการต่างๆนานาของยูเครน แต่ก็ย้ำอีกครั้งว่าพวกเขาจะไม่หยุดสู้รบเพื่อปลดแอกเอกราชจากเคียฟ
รัฐสภายูเครนเมื่อวันอังคาร (16 ก.ย.) ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์เห็นชอบกฎหมายให้สถานะพิเศษแก่ดินแดนที่ฝ่ายกบฏยึดครอง ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่พวกเขาจะให้สัตยาบันรับรองสนธิสัญญา กระชับความร่วมมือระหว่างยูเครนกับอียู เน้นย้ำถึงความตั้งใจอย่างแนวแน่ของยูเครนที่จะหันหลังให้กับอิทธิพลของรัสเซีย
ประธานาธิบดีเปโตร โปโรนเชนโก แห่งยูเครน บอกว่าความเคลื่อนไหวนี้จะนำสันติภาพมาสู่ภาคตะวันออก ดินแดนที่เคียฟจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับแกนนำฝายกบฏ นำพาสันติ ความสงบและความสามัคคีมาสู่ประชาชน อย่างไรก็ตามพวกนักวิจารณ์บางส่วนมองว่ามาตรการเหล่านั้นโอนอ่อนผ่อนตามรัสเซียกับฝ่ายกบฏมากเกินไป ซึ่งเสี่ยงสร้างความแตกแยกอย่างถาวรในยูเครน
จนถึงบัดนี้ ความขัดแย้งได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 2,900 ศพ และชาวบ้านอีกอย่างน้อย 600,00 คนต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัยทางภาคตะวันออก อันเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมของประเทศที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการสู้รบ
ทางฝั่งของรัสเซียเมื่อวันพุธ (17 ก.ย.) ก็ออกมายกย่องกฎหมายมอบสิทธิ์ปกครองตนเองในภาคตะวันออกของยูเครน ด้วยบอกว่ามันคือก้าวย่างหนึ่งในทิศทางที่ถูกต้อง และแสดงความหวังว่ามันจะถูกบังคับใช้อย่างสมบูรณ์
“ในรัสเซีย เอกสารนี้ได้รับการพิจารณาในฐานะก้าวย่างในทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งสอดคล้องกับเจตนาของข้อตกลงในเจนีวา ระหว่างรัสเซีย ยูเครน สหรัฐฯ และสหภาพยุโปร เมื่อวันที่ 17 เมษายนปีนี้ เช่นเดียวกับถ้อยแถลงที่เบอร์ลินในวันที่ 2 กรกฎาคม” กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียระบุ “เราคาดหมายว่าทุกข้อกำหนดของกฎหมายจะถูกบังคับใช้อย่างสมบูรณ์ในแนวทางแห่งความรับผิดชอบ”