รอยเตอร์ – กลุ่มติดอาวุธแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่รัสเซียจะจัดการเลือกตั้งผู้นำแคว้นทางภาคตะวันออก ที่ประกาศแยกตัวจากยูเครนในวันนี้ (2 พ.ย.) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อดึงดินแดนที่บอบช้ำจากเหตุสู้รบของพวกเขาให้ใกล้ชิดกับรัสเซียมากขึ้น และเป็นการท้าทายอำนาจยูเครน และชาติตะวันตก ขณะที่เสียงปืนใหญ่ยังดังกึกก้องไปทั่วดินแดนภาคตะวันออก
สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (อียู) ได้ออกมาประณามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าจะจุดชนวนให้สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างชาติตะวันตก กับรัสเซียคุกรุ่นรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก
การเลือกตั้งของกลุ่มติดอาวุธนับเป็นจุดพลิกผันครั้งล่าสุด ในการเผชิญหน้าทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียกับโลกตะวันตก นับตั้งแต่การโค่นล่มอดีตประธานาธิบดี วิกตอร์ ยานูโควิช ที่มีจุดยืนสนับสนุนมอสโก เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และการแต่งตั้งคณะรัฐบาลที่มุ่งผนึกยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรป
ที่โดเนตสค์ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นทางการเมืองและการทหารของกลุ่มติดอาวุธที่เคลื่อนไหวแบ่งแยกดินแดนทางภาคตะวันออกของประเทศ เจ้าหน้าที่ที่หน่วยเลือกตั้งในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งได้นำสติกเกอร์ธงแดง ดำ และน้ำเงิน ที่มีตราสัญลักษณ์ของแคว้น ติดบนหีบเลือกตั้งก่อนเปิดหน่วย
เมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่แห่งนี้ ซึ่งครั้งหนึ่งประชากรเกือบหนึ่งล้านคนเคยอาศัยอยู่อย่างสงบสุข ได้เผชิญกับการระดมยิงปืนครก และปืนใหญ่อย่างหนักหน่วงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนเปิดหีบเลือกตั้ง โดยยูเครนระบุว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีทหารถูกสังหารไปแล้ว 6 คน
เคียฟกล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการละเมิดข้อตกลงกรุงมินสก์ ที่สนับสนุนให้มีการหยุดยิงระหว่างกลุ่มกบฏกับทหารยูเครน แม้ว่าจะมีการละเมิดข้อตกลงเป็นระยะๆ แต่ก็ได้ทำให้สภาวะปกติในโดเนตสค์กลับคืนสู่สถานการณ์ความรุนแรงที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 3,700 รายอีกครั้ง
รัฐบาลยูเครน ที่มีจุดยืนสนับสนุนสหภาพยุโรปกล่าวว่า ข้อตกลงมินสก์ ซึ่งผ่านการลงนามโดยผู้นำกลุ่มกบฏนิยมรัสเซีย คณะผู้แทนจากยูเครน รัสเซีย และองค์การเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือแห่งยุโรป (โอเอสซีอี) ปูทางไปสู่การจัดการเลือกตั้งตามกฎหมายยูเครน
ข้อตกลงเหล่านี้จะเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ผ่านการเห็นชอบจากยูเครนมีอำนาจปกครองแคว้นทางภาคตะวันออกด้วยตนเองเพิ่มมากขึ้น
ยูเครนระบุว่า การที่กลุ่มติดอาวุธใฝรัสเซียมีแผนจัดการเลือกตั้งผู้นำ และสถาบันเข้ามาปกครองดินแดนที่ประกาศแยกตนในแคว้นโดเนตสค์ และแคว้นลูกันสค์ หนึ่งสัปดาห์หลังรัฐสภายูเครนจัดการเลือกตั้งทั่วไปนั้นเป็นการละเมิดข้อตกลงดังกล่าว
เป็นที่แน่ชัดว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะสั่นคลอนสายสัมพันธ์ระหว่างชาติตะวันตกกับรัสเซียยิ่งขึ้นไปอีก จากที่แต่เดิมยุโรปและสหรัฐฯ ได้คว่ำบาตรแดนหมีขาวรุนแรงหลายระลอก จากการมีส่วนในเหตุไม่สงบที่ปะทุขึ้นทางภาคตะวันออกของยูเครนอยู่เนืองๆ หลัง เซียร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียประกาศว่า มอสโกจะยอมรับการเลือกตั้งครั้งนี้
เมื่อวันศุกร์ (31 ต.ค.) นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนี กล่าวกับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียว่า การเลือกตั้งคราวนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และจะไม่ได้การยอมรับจากยุโรป
กลุ่มกบฏกล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะทำให้กลุ่มแบ่งแยกดินแดนมีสถานะผู้นำอันชอบด้วยกฎหมาย และช่วยรวบรวมอำนาจให้แข็งแกร่ง แม้ว่าชาวบ้านในเมืองโดเนตสค์จะชี้ว่า การเลือกตั้งจะไม่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อบทสรุปที่แต่เดิมไม่มีผู้ยอมรับอยู่แล้ว
อเล็กซานเดียร์ ซาคาร์เชนโก นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของกลุ่มกบฏ ซึ่งในอดีตเคยเป็นช่างเหมือง และมีใบหน้าปรากฎตามป้ายหาเสียงทั่วทั้งเมืองโดเนตสค์ นั้นเกือบเป็นที่แน่ใจได้ว่า จะเป็นผู้คว้าชัยในการเลือกตั้งผู้นำแคว้นที่ประก่าศตนเป็นสาธารณรัฐประชาชนชาวโดเนตสค์แห่งนี้