เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรีแดนจิงโจ้ โทนี แอ็บบอตต์ ออกมาระบุในวันอาทิตย์ (14 ก.ย.) ว่าออสเตรเลียจะจัดส่งทหาร 600 นายเข้าไปในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในแนวร่วมถล่มกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส)
การประกาศของแอ็บบ็อตต์ในครั้งนี้ เกิดขึ้น 2 วันหลังจากที่ออสเตรเลียได้ยกระดับการเตือนภัยก่อการร้ายเป็น “ระดับสูง” อันเนื่องจากกังวลมากขึ้นว่าบรรดานักรบญิฮัดชาวออสเตรเลียที่สู้รบอยู่ในอิรักและซีเรีย กำลังจะกลับเข้าสู่ดินแดนบ้านเกิด
แอ็บบอตต์ระบุว่า ทหารที่จัดส่งไปจะเป็นทหารอากาศ 400 คน กับทหารบก 200 คน ตามคำขอของสหรัฐฯ ที่อยากให้ออสเตรเลียสนับสนุนแนวร่วมพันธมิตรนานาชาติ ในการต่อสู้กับกลุ่มไอเอส โดยทหารเหล่านี้ไม่ได้ไปปฏิบัติภารกิจสู้รบ แต่จะเน้นไปที่การป้องกันวิกฤติด้านมนุษยธรรม ไม่ให้เลวร้ายไปมากกว่านี้
“ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องตัดสินใจ ก่อนที่ทหารออสเตรเลียจะเข้าร่วมปฏิบัติการสู้รบในอิรัก” แอ็บบอตต์กล่าวในงานแถลงข่าวในเมืองดาร์วิน
“อย่างไรก็ตาม ออสเตรเลียพร้อมที่จะปฏิบัติการร่วมกับนานาชาติเพื่อขัดขวางและบั่นทอนกำลังกลุ่มไอเอส เนื่องจากการสังหารผู้คนอย่างโหดเหี้ยมของพวกเขา ไม่ได้เป็นภัยคุกคามเฉพาะกับชาวอิรักหรือตะวันออกกลางเท่านั้น แต่เป็นภัยคุกคามต่อทั่วโลก ซึ่งรวมถึงออสเตรเลียด้วย” แอ็บบอตต์กล่าว
การจัดส่งทหารของออสเตรเลียเข้าไปในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ครั้งนี้ ยังจะมีเครื่องบินรบ เอฟ/เอ 18 จำนวน 8 ลำ, เครื่องบินขนส่งกำลังพลทางอากาศ อี-7 เอ เวดจ์เทล 1 ลำ ที่สามารถควบคุมการจราจรทางอากาศและเตือนภัยล่วงหน้าได้ พร้อมด้วยเครื่องบินขนส่งและเติมน้ำมัน เคซี 30 เอ ทั้งหมดถูกส่งเข้าไปพร้อมกัน อีกทั้งยังจะมีการเตรียมที่ปรึกษาทางการทหารไว้คอยให้คำแนะนำแก่กองทัพอิรัก
แอ็บบอตต์ระบุว่า การจัดส่งทหารครั้งนี้จะมุ่งเน้นไปที่ปฏิบัติการในอิรักเป็นหลัก ไม่ใช่ซีเรีย เนื่องจากปฏิบัติการครั้งนี้ได้รับความยินยอมและเต็มใจต้อนรับจากรัฐบาลอิรัก ซึ่งต่างจากซีเรียอย่างเห็นได้ชัดที่ยังไม่ตอบรับ
ออสเตรเลียเคยร่วมกับทางสหรัฐฯ ในการสนับสนุนด้านอาวุธให้แก่กองกำลังชาวเคิร์ด ในภาคเหนือของอิรัก เพื่อใช้ต่อสู้กับกลุ่มไอเอส รวมถึงยังเคยให้ความช่วยเหลือทางอากาศด้านมนุษยธรรมแก่ชาวอิรักในหลายเมืองที่ถูกปิดล้อม
