อเมริกาขยายเขตโจมตีทางอากาศในอิรัก รุกพื้นที่สำคัญของมุสลิมนิกายสุหนี่

เอเอฟพี - สหรัฐฯ ออกมาระบุในวันนี้ (7 ก.ย.) ว่าได้ขยายขอบเขตการโจมตีทางอากาศเข้าใส่กลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ที่อิรัก โดยมีการถล่มเหล่านักรบญิฮัดที่อยู่บริเวณทางตะวันตกของกรุงแบกแดด ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญของชาวมุสลิมนิกายสุหนี่ ขณะที่ทหารกองทัพอิรักและชนเผ่าต่างๆ ก็ร่วมกันจู่โจมภาคพื้นดิน

สำหรับการโจมตีระลอกใหม่นี้ เครื่องบินรบสหรัฐฯ ได้ถล่มนักรบญิฮัดไอเอส บริเวณเขื่อนที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของแม่น้ำยูเฟรทีส ซึ่งเป็นจุดที่เหล่านักรบญิฮัดพยายามเข้ายึดครองครั้งแล้วครั้งเล่า

พลเรือตรี จอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ระบุว่า ได้ดำเนินการโจมตีครั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ก่อการร้ายเข้ามาคุกคามความปลอดภัยบริเวณเขื่อน ซึ่งเขื่อนดังกล่าวยังอยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังความมั่นคงอิรัก พร้อมได้รับการสนับสนุนจากชนเผ่านิกายสุหนี่

เขาระบุว่า หากสูญเสียการควบคุมพื้นที่บริเวณเขื่อน หรือตัวเขื่อนได้รับความเสียหาย ก็จะนับได้ว่าเป็นภัยคุกคามต่อเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ พลเมืองชาวอิรักหลายพันคน รวมถึงอาคารต่างๆ ทั้งในกรุงแบกแดดและพื้นที่โดยรอบ

กองทัพอิรักได้ใช้ประโยชน์จากการโจมตีทางอากาศครั้งนี้ของสหรัฐฯ ด้วยการเปิดฉากจู่โจมเข้าใส่บรรดานักรบญิฮัดในพื้นที่ฮาดิธา

พลโท กัสเซม อัตตา โฆษกความมั่นคงอิรักบอกกับเอเอฟพีว่า จากการสนับสนุนทางอากาศ ทหารอิรัก และกองกำลังของชนเผ่าได้เข้าโจมตีเป็นบริเวณกว้างเพื่อเคลียร์พื้นที่โดยรอบของเขตฮาดิธา ทำให้สามารถยึดเมืองบาร์วานา ที่อยู่ทางตะวันออกของฮาดิธากลับคืนมาได้ ขณะที่เหล่านักรบญิฮัดได้ทิ้งอาวุธและยานพาหนะเอาไว้ระหว่างที่ทำการล่าถอยออกไป

ทั้งนี้ ทหารอิรักได้ทำการปลดธง “รัฐอิสลาม” ลงมาจากยอดเสาบริเวณจุดตรวจภายในเมือง แล้วชักธงชาติอิรักขึ้นสู่ยอดเสาแทน

เขื่อนหลายแห่งเป็นเป้าหมายสำคัญของพวกนักรบญิฮัด โดยก่อนหน้านี้มีการสู้รบดุเดือดบริเวณเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดของอิรัก ที่แม่น้ำไทกริสซึ่งอยู่ทางเหนือของโมซุล เมืองใหญ่อันดับสองของอิรัก ที่ถูกกลุ่มไอเอสยึดครองไว้

เขื่อนในโมซุลและฮาดิธาถือเป็นแหล่งทรัพยากรอันมีค่า ที่ให้ทั้งพลังงานไฟฟ้าและระบบชลประทานแก่เกษตรกรชาวอิรัก

ก่อนหน้านี้ การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม ได้มุ่งเป้าไปที่การสนับสนุนกองกำลังชาวเคิร์ดที่อยู่ในภาคเหนือเท่านั้น