xs
xsm
sm
md
lg

InPics : อีโบลาอาจน่ากลัวกว่าที่คิด!! “หมอสูติฯมะกันรายล่าสุดติดอีโบลาในไลบีเรีย” แม้ไม่เคยเฉียดใกล้คนไข้ติดเชื้อมาก่อน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ - องค์กรไม่แสวงผลกำไรคริสเตียน SIM ประจำสหรัฐฯแถลงเมื่อวานนี้ (2 ก.ย.) พบแพทย์ที่ทำงานให้กับมูลนิธิในไลบีเรียติดเชื้ออีโบลา ที่ถึงแม้สูตินารีแพทย์รายนี้จะไม่เคยทำงานเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยติดเชื้อในอาคารกักกันโรคก็ตาม ในขณะที่ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือ CDC ได้ยอมรับถึงความน่าจะเป็นที่จะควบคุมอีโบลาในแอฟริกาตะวันตกว่า “ถึงแม้จะมีโอกาสที่จะจำกัดการแพร่ระบาดของอีโบลา แต่โอกาสนั้นกำลังจะหมดไปแล้ว” ด้านบริษัทยา Mapp Biopharamaceutical ผู้ผลิตเซรุม Zmapp ได้รับสัญญามูลค่า 24.9 ล้านดอลลาร์จากกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐฯ หรือ HHS เพื่อร่วมพัฒนาเซรุมทดลองนี้

สื่อสหรัฐฯ หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ รายงานในวันอังคาร (2) ว่า แพทย์มิชชันนารีที่ยังไม่เปิดเผยชื่อรายหนึ่งของ SIM สหรัฐฯ มีผลตรวจเป็น “บวก” หลังการทดสอบหาเชื้อไวรัสอีโบลา ซึ่งคนไข้อีโบลารายล่าสุดของสหรัฐฯติดเชื้อหลังจากที่ดูแลคนไข้สูตินารีที่โรงพยาบาล ELWA ของมูลนิธิไม่แสวงผลกำไรคริสเตียน SIM ในกรุงมอนโรเวีย ไลบีเรีย และไม่ได้ทำงานร่วมกับผู้ป่วยติดเชื้ออีโบลาโดยตรงที่ถูกกักตัวในตึกที่แยกออกไปจากตัวโรงพยาบาลหลัก SIM ประจำสหรัฐฯกล่าวแถลง

แพทย์สูตินารีคนนี้ถือเป็นชาวอเมริกันคนที่ 4 ที่ติดเชื้ออีโบลาในแอฟริกาตะวันตก นอกเหนือจากนายแพทย์เคนท์ แบรนต์ลีย์ และแนนซี ไรท์โบล อาสาสมัครเจ้าหน้าที่การแพทย์ของ SIM โดยผู้ติดเชื้ชาวอเมริกันทั้ง 3 คนนี้ทำงานให้กับโรงพยาบาล ELWA และทั้งแบรนต์ลีย์และไรท์โบลได้รับเซรุมทดลอง Zmapp ก่อนเข้ารับรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยอีโมรี เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย จนหายเป็นปกติ

และแพทริก ซอว์เยอร์ (Patrick Sawyer) ชาวอเมริกันเชื้อสายไลบีเรีย ผู้ติดเชื้ออีโบลารายแรกของสหรัฐฯล้มป่วยลงที่สนามบินไนจีเรีย และเสียชีวิตที่นั้น

SIM สหรัฐฯ เปิดเผยว่าจะเปิดแถลงข่าวภายในวันนี้ (3) เพื่อให้รายละเอียดเพิ่มเติม

ในขณะที่ โจแอน หลิว (Joanne Liu) ผู้อำนวยการแพทย์ไร้พรมแดน หนึ่งในหน่วยงานหลักทำหน้าที่ต่อสู้อีโบลาในเขตระบาดหนัก ได้เตือนในเช้าวานนี้ (2) ถึงสถานการณ์อีโบลาได้ก้าวขึ้นมาสู่การระบาดขั้นร้ายแรง “6 เดือนที่ผ่านมาถือเป็นการระบาดโรคอีโบลาขั้นร้ายแรงมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา และประชาคมโลกไม่สามารถควบคุมการระบาดไว้ได้ รวมถึงผู้นำชาติต่างๆล้มเหลวที่จะจัดการกับภัยคุกคามนี้”

นอกจากนี้ หลิวได้ยกตัวอย่างสถานการณ์ย่ำแย่ในการรับมืออีโบลาในแอฟริกาตะวันตก อธิบายให้เห็นภาพศูนย์กักกันผู้ป่วยที่แน่นขนัด มีการก่อจลาจลและบุกเข้าไปในศูนย์กักกันโรคสำหรับผู้ป่วย ศพผู้เสียชีวิตจากโรคอีโบลาถูกพบนอนเกลื่อนถนน แพทย์และพยาบาลเสียชีวิตเหมือนใบไม้ร่วง ระบบโรงพยาบาลทั้งระบบหมดสภาพที่จะรับมือกับผู้ป่วยและโรคร้าย และรวมไปถึงหอผู้ป่วยอีโบลาที่ขาดแคลนไปทุกสิ่ง ดูคล้ายกับว่าเป็นสถานที่สำหรับให้คนเข้าไปเสียชีวิตรวมกันในที่นั่น และยังออกปากยอมรับว่า “เราไม่มีประสบการณ์ในการรับมือภัยคุกคามใหม่นี้ และไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิออะไรขึ้นต่อไปในอนาคต” โดยหลิวย้ำว่า “ทางแพทย์ไร้พรมแดนได้ส่งสัญญาณเตือนไปยังประชาคมนานาชาติร่วมหลายเดือน แต่ได้รับการตอบสนองช้าเกินไป และน้อยเกินไป ทั้งนี้อีดบลาสามารถถูกจำกัดบริเวณให้อยู่แต่ภายในแอฟริกาตะวันตกถ้าหากว่าประชาคมโลกจะลงมือทำให้เร็ว และจัดการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของการระบาดได้”

หลิวแถลงกับบรรดาผู้นำในองค์การสหประชาชาติเพิ่มเติมว่า “ถือเป็นความรับผิดชอบของทุกคนที่ต้องลงมือ เราไม่สามารถโดดเดี่ยวประเทศที่มีการแพร่ระบาด และหวังว่าโรคอีโบลาจะค่อยหมดไป ในการที่จะพยายามที่จะแก้ปัญหาการระบาดของโรคเหมือนเช่นความพยายามที่จะดับไฟ ที่เราทุกคนต้องวิ่งเข้าไปในอาคารที่กำลังไหม้เพื่อดับไฟ”

ด้าน ทอม ฟรีเดน (Tom Frieden ) ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือ CDC ที่เพิ่งบินกลับมาจากการประเมินความรุนแรงการระบาดใน 3 ประเทศแอฟริกาตะวันตกได้เปิดแถลงข่าวที่แอตแลนตาเมื่อวานนี้ (2) และได้ยอมรับว่า สถานการณ์ระบาดของโรคนั้นอยู่ในขั้นวิกฤต “ถึงแม้จะมีโอกาสที่จะสามรถควบคุมการระบาดโรคอีโบลานี้ไว้ได้ แต่โอกาสนั้นได้กำลังจะหลุดลอยไปแล้ว และที่เราจะต้องทำคือเร่งยกระดับให้มีมาตรการเข้มงวดมากในระดับมหภาค ..ซึ่งผมคิดว่าเป็นวิกฤตที่ต้องการตอบสนองอย่างทันท่วงทีอย่างไม่ต้องสงสัย”

ทั้งนี้ ในวันพฤหัสบดี (28) ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก หรือ WHO เสนอแผนการควบคุมอีโบลาเป็นเวลา 6 เดือนในวงเงิน 490 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง WHO คาดว่าต้องใช้เจ้าหน้าที่ปฎิบัติหน้าที่จำนวนหลายพันคน

และผู้นำ CDC ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “อีโบลาถือเป็นการระบาดขั้นรุนแรงในระดับโลกที่ไม่มีใครเคยรู้จักมาก่อน และจากการวิเคราะห์ ทำให้เชื่อว่าในอีกไม่กีสัปดาห์ข้างหน้า สถานการณ์การระบาดจะยิ่งเลวร้ายหนัก นอกจากนี้เจ้าหน้าที่การแพทย์จะต้องเห็นจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น เพราะมีการระบาดในวงกว้างในไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน ส่วนที่กินีถึงแม้ว่าในขณะนี้ประสบความสำเร็จมากขึ้นในการควบคุมการระบาด แต่ยังพบมีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้นใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จุดเสี่ยงแพร่ระบาดอู่ในชุมชนหนึ่งที่ชาวชุมชนขัดขวางมาตรการป้องกันโรค โดยมีข่าวลือว่า หากมีการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคซึ่งถือเป็นหนึ่งในมาตรการป้องกันนั้นจะทำให้เกิดการแพร่ของไวรัสอีโบลา

นอกจากนี้ ในวันอังคาร (2) กระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐฯ หรือ HHS ประกาศมอบสัญญามูลค่า 24.9 ล้านดอลลาร์ให้กับบริษัทยา Mapp Biopharamaceutical ผู้ผลิตเซรุม Zmapp ที่ใช้เป็นการรักษาฉุกเฉินให้กับคนไข้ติดเชื้ออีโบลาในช่วงการระบาดของโรค และถึงแม้ว่าเซรุม Zmapp จะยังไม่เคยทดลองในมนุษย์ แต่ในรอบหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ใช้เซรุมนี้รักษาคนไข้โรคอีโบลา 7 คน รวมถึงแบรนต์ลีย์ และไรท์โบล แต่มีผู้ติดเชื้อ 2 รายที่ได้รับเซรุมเสียชีวิตในขณะที่อีก 2 รายกำลังอยู่ในระหว่างการรักษา นอกจากนี้ยังเป็นการยากที่จะคาดคะเนถึงผลกระทบของเซรุมที่มีต่อคนไข้เพราะคนไข้แต่ละคนได้รับเซรุมในระดับการติดเชื้อที่แตกต่างกันออกไป

สำนักงานการพัฒนาและการวิจัยไบโอเมดิคอลระดับสูง หรือ BARDA ในสังกัด HHS แถลงว่า ทางบริษัท Mapp Biopharamaceutical จะเริ่มต้นผลิตเซรุม Zmapp จำนวนหนึ่งเพื่อทดลองวิจัยการศึกษาความปลอดภัยในระดับข้อมูลทางคลินิก และเพื่อการศึกษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการใช้ Zmappในมนุษย์ที่ไม่ใช้ข้อมูลทางคลินิก

โดยก่อนหน้านี้ Mapp Biopharamaceutical ออกมายอมรับว่าวัตถุดิบในการผลิตเซรุมได้หมดไปแล้ว ด้านเควิน เจ วาลีย์ (Kevin J. Whaley) ซีอีโอของบริษัทให้สัมภาษณ์ทางอีเมลว่า “การที่BARDA เฝ้าติดตามความก้าวหน้าของการรักษาถือว่าน่าประทับใจมาก และทางบริษัทมีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับหน่วยงานรัฐในการพัฒนาZmapp”














นายแพทย์เคนท์ แบรนต์ลีย์(ขวา) ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ MSNBC สื่อสหรัฐฯ ถึงช่วงเวลาเลวร้ายทีประสบ และยังคงอธิษฐานให้ผู้ร่วมงานคนอื่นที่พบการติดเชื้อ


กำลังโหลดความคิดเห็น