วอลล์สตรีทเจอนัลด์ - องค์การอนามัยโลกเตือนในวันพฤหัสบดี (28 ส.ค.) จำนวนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอีโบลา อาจเพิ่มขึ้นถึง 20,000 คนภายในเวลา 9 เดือนข้างหน้าและคาดหมายว่าจำเป็นต้องใช้เงินกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในความพยายามหยุดยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสมรณะชนิดนี้
ในเอกสารที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (28) องค์การสาธารณสุขของสหประชาชาติบอกว่าอีโบลายังคงแพร่ระบาดรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ ด้วยมากกว่าร้อยละ 40 ของรายงานผู้ติดเชื้อ เกิดขึ้นแค่ภายในช่วง 3 สัปดาห์หลังสุด
จนถึงวันที่ 28 สิงหาคม เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจาก 4 ประเทศที่ได้รับผลกระทบคือกินี ไลบีเรีย ไนจีเรีย และเซียร์ราลีโอน พบผู้ติดเชื้ออีโบลาทั้งสิ้น 3,069 คน นับตั้งแต่การแพร่ระบาดเริ่มขึ้นในช่วงต้นปี โดยในนั้นมีถึง 1,552 รายที่เสียชีวิต ขณะที่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีวัคซีนรักษา
องค์การอนามัยโลกระบุในรายงานซึ่งกำหนดโรดแมปตอบสนองต่ออีโบลาว่า การเสริมความเข้มแข็งแก่ห้องปฏิบัติการวิจัยและเพิ่มเติมความรู้ความชำนาญแก่เจ้าหน้าที่คือสิ่งจำเป็นสำหรับควบคุมการแพร่ระบาด ขณะเดียวกันก็จำเป็นต้องปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางสาธารณสุขเพื่อรับมือกับภัยคุกคามในอนาคต
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกประเมินว่ามีความเป็นไปได้ที่การระบาดของอีโบลาในแอฟริกาตะวันตกอาจพุ่งสูงกว่า 20,000 คน หรือมากกว่า 6เท่าในปัจจุบัน โดยตั้งข้อสันนิษฐานว่าในหลายพื้นที่ที่มีการติดต่ออย่างรุนแรง ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่แท้จริงอาจสูงกว่าที่ได้รับรายงาน นอกจากนี้แล้วในโรดแมปยังเรียกร้องให้เพิ่มศูนย์กักกันอีโบลาและฝังศพเหยื่อภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขด้วย
อนามัยโลกระบุว่า การส่งเหล่าผู้เชี่ยวชาญเข้าไปยังภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลาคือเป้าหมายเร่งด่วน แต่เวลานี้ความพยายามดังกล่าวเป็นไปอย่างยากลำบากเนื่องจากสายการบินนานาชาติหลายแห่งซึ่งในนั้นรวมถึงแอร์ฟรานซ์, บริติช แอร์เวย์ส และเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ ระงับเที่ยวบินสู่บางชาติที่มีการระบาดของอีโบลา