เอเอฟพี - รัสเซียคร่ำครวญในวันจันทร์ (25) ถึงการไม่ยอมเผยแพร่รายละเอียดของการสืบสวนเหตุเครื่องบินสัญชาติมาเลเซียที่ถูกยิงตกในยูเครนเมื่อเดือนกรกฎาคม พร้อมกล่าวหาทีมสืบสวนนานาชาติว่าขาดความโปร่งใส
เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศแดนหมีขาวตั้งคำถามว่าเหตุใดบันทึกจากกล่องดำของเครื่องบินลำนี้ถึงยังไม่ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณชนเสียที และเขามีความรู้สึกว่า “ทุกๆ คนหมดความสนใจใคร่รู้ในการสืบสวนนี้กันแล้ว”
ทีมตรวจสอบชาวดัตช์ที่นำการสืบสวนดังกล่าวระบุเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ว่า พวกเขาจะเผยแพร่รายงานเบื้องต้น “ในช่วงสองสามสัปดาห์นี้”
ทั้งนี้ เครื่องบินโบอิง 777 ของสายการบิน มาเลเซีย แอร์ไลน์ส ระเบิดเหนือพื้นที่ยึดครองของกลุ่มกบฏในภาคตะวันออกของยูเครนเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือบนเครื่อง 298 รายเสียชีวิตยกลำ โดยฝ่ายตะวันตกกล่าวหาว่ากลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่มีรัสเซียหนุนหลัง เป็นผู้ยิงเครื่องบินลำดังกล่าวตก ขณะที่มอสโกกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของเคียฟ
กล่องดำของเครื่องบินลำนี้ถูกส่งไปยังเมืองฟาร์นโบโรในอังกฤษ เพื่อให้แผนกสืบสวนอุบัติเหตุทางอากาศทำการตรวจสอบ
“ไม่มีใครบอกอะไรกับพวกเราเลยเกี่ยวกับเหตุผลที่ว่าทำไมบันทึกของกล่องดำถึงยังไม่สามารถนำออกเผยแพร่โดยสมบูรณ์ได้” ลาฟรอฟ กล่าวสรุปสั้นๆ ผ่านโทรทัศน์ในกรุงมอสโก
นอกจากนี้ เขายังตั้งคำถามอีกว่า เหตุใดยูเครนถึงยังไม่ส่งบักทึกการสนทนาระหว่างเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศในสนามบินดนีโปรเปตรอฟสค์ที่อยู่ใกล้เคียงมาอีก
เขากล่าวว่า รัสเซียได้ติดต่อไปยังองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการบินสังกัดองค์การสหประชาชาติและเป็นผู้จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นมาเพื่อร่างข้อเสนอแนะต่างๆ เกี่ยวกับอุบัติเหตุดังกล่าว แต่ว่า “จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีความโปร่งใสที่มองเห็นได้เช่นกัน”
ลาฟรอฟ ชี้ว่า การสืบสวนนี้ไม่อาจหาหลักฐานในการตกของเครื่องบินลำนี้ที่เกี่ยวโยงกับรัสเซีย ขณะที่มันถูกยิงตกในเดือนกรกฎาคม ตอนกำลังบินเหนือพื้นที่ยึดครองของกลุ่มกบฏในภาคตะวันออกของยูเครน
เขากล่าวต่อว่า พวกที่ปั้น “ข้อกล่าวหาต่างๆ นานาในช่วงแรกนั้นมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหวาดผวารัสเซียและกลุ่มกบฏ” ตอนนี้กลับเงียบเป็นเป่าสากและ “ดูเหมือนว่าจะรูดซิปปากตัวเองกันหมดแล้ว”
การค้นหาอวัยวะของศพ ณ พื้นที่ตกได้ถูกระงับมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนสิงหาคม เนื่องจากทีมสืบสวนไม่สามารถปฏิบัติงานต่อไปได้ท่ามกลางการสู้รบอย่างดุเดือดในพื้นที่