รอยเตอร์/เอเอฟพี - บัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติเมื่อวันจันทร์ (18 ส.ค.) เรียกร้องเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ให้คำรับประกันว่าจะปกป้องสิทธิของผู้ชุมนุมในเมืองเฟอร์กูสัน มลรัฐมิสซูรี หลังเหตุตำรวจยิงวัยรุ่นผิวสีไม่มีอาวุธเสียชีวิต กระตุ้นให้เกิดการประท้วงและจลาจลปล้นสะดมต่อเนื่องนานหลายเดือน ขณะเดียวกันผู้ว่าการรัฐก็ยกเลิกประกาศเคอร์ฟิว หลังส่งกองกำลังรักษาดินแดนเข้าควบคุมสถานการณ์
สเตฟาน ดูจาร์ริก โฆษกสหประชาชาติบอกกับผู้สื่อข่าวว่า “ท่านเลขาธิการเรียกร้องเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รับประกันสิทธิการชุมนุมอย่างสันติ และเสรีภาพแห่งแสดงออกควรได้รับการปกป้อง” ดูจาร์ริกกล่าว “เขาเรียกร้องทุกฝ่ายอดทนอดกลั้น เรียกร้องเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายยึดถือมาตรฐานของสหรัฐฯและนานาชาติในการจัดการกับผู้ประท้วง”
เสียงเรียกร้องของนายบัน คีมูน มีขึ้นหลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คณะผู้เชี่ยวชาญแห่งสหประชาชาติ ออกมาตำหนิเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ต่อสิ่งที่พวกเขาเรียกร้องว่าการเลือกที่รักมักที่ชังอย่างรุนแรงและยืนนานต่อชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกา เช่นเดียวกับชนกลุ่มน้อยอื่นๆ ท่ามกลางความตึงเครียดอันสูงลิ่วในแดนลุงแซม หลังจากตำรวจยิงวัยรุ่นผิวสีเสียชีวิต
คณะกรรมการว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติแห่งสหประชาชาติ(CERD) ระบุเมื่อวันพุธ (13) ที่แล้ว ว่าคนผิวสีและชนกลุ่มน้อยทางเชื้อชาติอื่นๆ ในสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติด้านการงาน ที่พักอาศัย การศึกษาและระบบยุติธรรมทางอาญา
ถ้อยแถลงจากเลขาธิการสหประชาชาติในวันจันทร์ (18) มีขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่กองกำลังรักษาดินแดนเริ่มต้นกระจายกำลังในเฟอร์กูสัน หลังจากผู้ว่าการรัฐยกเลิกประกาศเคอร์ฟิว
“ด้วยมีทรัพยากรนี้เข้ามาเสริม ตำรวจลาดตระเวนทางหลวงมิสซูรีและเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นจะยังคงตอบสนองอย่างเหมาะสมต่อความรุนแรงและเหตุการณ์ไร้ขื่อแปต่างๆ และปกป้องสิทธิของประชาชนที่แสดงออกอย่างสันติ” เจย์ นิกสัน ระบุในถ้อยแถลง “เราจะไม่มีการใช้เคอร์ฟิวในคืนนี้”
เจ้าหน้าที่จากกองกำลังรักษาดินแดน 10 นายเดินทางมาถึงศูนย์บัญชาการร่วมในแถบชานเมืองเซนต์หลุยส์ จุดที่การประท้วงเลี้ยวเข้าสู่ความรุนแรงเมื่อคืนวันอาทิตย์ (17) แม้มีการประกาศเคอร์ฟิวตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงตี 5
“กองกำลังรักษาดินแดนเข้ารับผิดชอบอย่างทันทีและอย่างจำกัด ภายใต้การสั่งการของพันเอกรอน รีโพลเกิล แห่งตำรวจลาดตระเวนทางหลวงมิสซูรี เพื่อปกป้องและรับประกันความปลอดภัยแก่ศูนย์บัญชาการร่วมของเรา ซึ่งตกเป็นเป้าหมายโจมตีอย่างพร้อมเพรียงเมื่อคืนที่ผ่านมา” นิกสันกล่าว
“อีกครั้งผมขอร่วมกับประชาชนเฟอร์กูสันและชาวมิสซูรีทุกคน ในการประณามอย่างรุนแรงต่อพฤติกรรมรุนแรงที่เราได้เห็นเมื่อคืนที่ผ่านมา ในนั้นรวมถึงการยิงใส่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ยิงใส่พลเรือน ขว้างปาระเบิดเพลิง ปล้นสะดม และโจมตีอย่างพร้อมเพรียงต่อศูนย์บัญชาการร่วมแล้วหลบหนีไป” เขากล่าว
ความเคลื่อนไหวด้านมาตรการรักษาความปลอดภัย มีขึ้นขณะที่นักพยาธิวิทยาที่ได้รับว่าจ้างจากครอบครัวนายไมเคิล บราวน์ วัยรุ่นผิวสีที่ถูกตำรวจมิสซูรียิงเสียชีวิต จนกระพือเหตุความไม่สงบในเมืองเฟอร์กูสันมานานกว่า 1 สัปดาห์ เปิดเผยผลการชันสูตรศพว่าเขาถูกยิงอย่างน้อยๆ 6 นัด
“มีรอยกระสุน 5 รอยและ 2 ในนั้นอาจวกกลับ” นายไมเคิล บาเดน นักพยาธิวิทยากล่าว หลังจากดำเนินการชันสูตรศพนายไมเคิล บราวน์ พร้อมเผยต่อว่ากระสุนหนึ่งนัดเจาะเข้าบริเวณด้านบนของศีรษะ อีกนัดเข้าที่เบ้าตา ส่วนนัดอื่นๆ เข้าตรงแขนขวา “กระสุนนัดอื่นๆ ไม่ถึงขั้นทำให้เสียชีวิต ยกเว้นแต่นัดหนึ่งที่เข้าบริเวณศีรษะ” เขากล่าว
บาเดนบอกว่า ไม่พบหลักฐานของการต่อสู้ปลุกปล้ำกันระหว่างนายบราวน์และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กล่าวอ้างว่าเขาได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว และด้วยไม่พบดินปืนบนร่างของบราวน์ บ่งชี้ว่าบราวน์ไม่ได้โดนจ่อยิง โดยปากกระบอกปืนอาจอยู่ห่าง 1 หรือ 2 ฟุต หรือไม่ก็อาจเป็นการยิงจากระยะไกล 30 ฟุต
