เอเจนซีส์ – รัฐมิสซูรีส่งกองกำลังรักษาดินแดนไปควบคุมสถานการณ์ในเมืองเฟอร์กูสัน หลังจากผู้ประท้วงยังคงปะทะกับตำรวจก่อนมาตรการเคอร์ฟิวมีผลเป็นวันที่สอง ขณะที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ สั่งชันสูตรศพ ไมเคิล บราวน์ หนุ่มวัยรุ่นผิวสีที่ถูกตำรวจยิงดับโดยเร็วที่สุด ด้านนิวยอร์กไทม์สรายงานผลการชันสูตรเบื้องต้นว่า บราวน์ ซึ่งถูกตำรวจผิวขาวยิงเสียชีวิตเมื่อต้นเดือนจนเป็นที่มาของการจลาจลในเฟอร์กูสัน ถูกยิงทั้งหมด 6 นัด โดย 2 นัดพุ่งเข้าศีรษะ
เจย์ นิกสัน ผู้ว่าการรัฐมิสซูรี ลงนามคำสั่งในการส่งกองกำลังรักษาดินแดนไปยังเมืองเฟอร์กูสันเมื่อวันจันทร์ (18) เพื่อฟื้นความสงบเรียบร้อยและปกป้องพลเมือง โดยการตัดสินใจนี้มีขึ้นหลังจากตำรวจปะทะกับกลุ่มชนที่โกรธแค้นก่อนมาตรการเคอร์ฟิวมีผลในคืนที่สองเพียงไม่นาน
รายงานระบุว่า การชุมนุมอย่างสงบตลอดช่วงกลางวันวันอาทิตย์ (17) เปลี่ยนเป็นความรุนแรงทันทีเมื่อเข้าสู่ช่วงพลบค่ำ โดยหลังจากเจ้าหน้าที่สั่งให้ผู้ชุมนุมสลายตัว ผู้ชุมนุมจำนวนมากล่าถอยกลับบ้าน แต่ยังมีอีกราว 100 คนที่ปักหลักห่างจากตำรวจ 2 ช่วงตึก กระทั่งตำรวจต้องยิงแก๊สน้ำตาเข้าไปหนึ่งชุด
กระนั้นก็ดี ผู้ประท้วงยังนำคอนกรีตบล็อกมาขวางบนถนนใกล้ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งที่ถูกเผาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว เพื่อไม่ให้รถตำรวจเข้าไปได้ และมีการเผาถังขยะในบริเวณใกล้เคียง รวมทั้งมีเสียงปืนดังประปรายห่างออกไปหลายช่วงตึก และมีการการปล้นร้านค้าเกิดขึ้นด้วย
ตำรวจสามารถเคลียร์พื้นที่บนถนนเวสต์ฟลอริสแซนต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในทางสัญจรหลักของชุมชนภายในเวลาสองชั่วโมง และถนนสายต่างๆ กลับสู่ความเงียบสงบเมื่อมาตรการเคอร์ฟิวเริ่มต้นขึ้นในเวลาเที่ยงคืน และมีผลจนถึง 5.00 น. วันจันทร์ (18)
รอน จอห์นสัน ผู้บัญชาการตำรวจทางหลวงมิสซูรีที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบสถานการณ์ในเฟอร์กูสัน แถลงเมื่อวันจันทร์ (18) ว่า ผู้ประท้วงขว้างระเบิดขวดใส่กองกำลังความมั่นคงจนทำให้เจ้าหน้าที่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบโต้
“สำหรับผู้ที่อ้างว่าเคอร์ฟิวนำไปสู่ความรุนแรง ผมขอย้ำว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนเริ่มเคอร์ฟิว 3 ชั่วโมงครึ่ง” จอห์นสัน กล่าว พร้อมสำทับว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 2 คนจากกระสุนปืน
ทั้งนี้ เหตุการณ์สังหาร บราวน์ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา ก่อกระแสความตึงเครียดด้านเชื้อชาติรุนแรงระหว่างชุมชนคนผิวสีกับสำนักงานตำรวจเฟอร์กูสันที่เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริกันผิวขาว นำไปสู่การปะทะหลายครั้งจนกระทั่งผู้ว่าการรัฐมิสซูรีต้องขอให้ตำรวจทางหลวงของรัฐเข้ารับผิดชอบสถานการณ์แทนตำรวจท้องที่
ตำรวจเฟอร์กูสันยังใช้เวลาถึง 6 วันจึงจะเปิดเผยว่า ผู้ที่ยิง บราวน์ คือ ดาร์เรน วิลสัน ซึ่งเป็นนายตำรวจที่รับราชการมานาน 6 ปีโดยไม่เคยมีประวัติถูกร้องเรียน พร้อมกันนี้ยังมีการเปิดเผยเอกสารหลักฐานที่กล่าวหาว่า บราวน์ ขโมยของในร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งก่อนที่จะถูกยิงเสียชีวิต
โธมัส แจ็กสัน ผู้บัญชาการตำรวจเฟอร์กูสัน ให้สัมภาษณ์รายการ “ดีส วีก” ของสำนักข่าวเอบีซีเมื่อวันอาทิตย์ (17) ว่า ไม่รู้มาก่อนว่าจะมีการเผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านที่ บราวน์ ถูกกล่าวหาว่าเข้าไปขโมยบุหรี่ซองละ 49 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ คนส่วนใหญ่โกรธแค้นเพราะรู้สึกว่าเป็นความพยายามใส่ความเด็กหนุ่มที่ถูกยิงเสียชีวิต
นอกจากนี้ ตำรวจยังพาดพิงถึงการเผชิญหน้าระหว่าง บราวน์ กับ วิลสัน น้อยมาก โดยระบุเพียงว่า มีการต่อสู้กันซึ่ง วิลสัน ได้รับบาดเจ็บและ บราวน์ ถูกยิง ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า บราวน์ ชูมือเหนือศีรษะขณะที่ วิลสัน ระดมยิงเข้าใส่เขาหลายนัด
ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของ ดร. ไมเคิล เบเดน อดีตหัวหน้าคณะแพทย์ผู้ตรวจสอบของนิวยอร์กซิตีว่า บราวน์ ถูกยิงอย่างน้อย 6 นัด โดย 2 นัดเจาะเข้าที่ศีรษะ และอีก 4 นัดที่แขนขวา โดยกระสุนทั้งหมดยิงเข้าทางด้านหน้า
การเรียกร้องของครอบครัว บราวน์ ทำให้ อีริก โฮลเดอร์ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ สั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางชันสูตรศพ บราวน์ เป็นครั้งที่ 3 “โดยเร็วที่สุด” และนำผลการชันสูตรไปพิจารณาประกอบการตรวจสอบกรณีการละเมิดสิทธิพลเมืองของกระทรวงยุติธรรม
เดวิด เวนสไตน์ อดีตอัยการรัฐที่รับผิดชอบด้านสิทธิพลเมืองของสำนักงานอัยการไมอามี เปิดเผยว่า การชันสูตรของรัฐบาลจะมุ่งเน้นจุดที่กระสุนเจาะเข้าสู่ร่างกาย ตลอดจนบาดแผล และรอยฟกช้ำจากการป้องกันตัว ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อการสอบสวน และเสริมว่าคำสั่งชันสูตรศพของกระทรวงยุติธรรมไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังเป็นเพราะรัฐบาลต้องสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนที่กังวลว่า จะไม่มีการดำเนินการใดๆ กับคดีนี้