รอยเตอร์/เอเอฟพี - องค์การอนามัยโลกแนะนำในวันจันทร์ (18 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ในประเทศต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากอีโบลา ควรตรวจตราพลเรือนที่กำลังเดินทางออกจากท่าอากาศยานนานาชาติ ท่าเรือ รวมถึงจุดผ่านแดนหลักๆ และต้องหยุดยั้งบุคคลใดๆ ก็ตามที่มีอาการของไวรัสมรณะไม่ให้ออกนอกประเทศ ขณะที่ไลบีเรีย กำลังตะเกียกตะกายตามหาคนไข้อีโบลา 17 คนที่หนีออกจากศูนย์กักกันและอาจกระพือการแพร่ระบาดให้สาหัสกว่าที่เป็นอยู่
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานสาธารณสุขแห่งสหประชาชาติย้ำว่า ความเสี่ยงติดเชื้ออีโบลาเป็นเครื่องบินมีแค่เล็กน้อย เนื่องจากปกติแล้วผู้ติดเชื้อมักมีอาการป่วยเกินกว่าที่จะเดินทางได้ และยืนยันว่ามีความเสี่ยงระดับต่ำเช่นกันต่อเหล่าบรรดานักเดินทางในประเทศต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบทั้งกินี ไลบีเรีย ไนจีเรีย และเซียร์ราลีโอน
ในถ้อยแถลง องค์การอนามัยโลกยืนยันด้วยว่า ยังไม่จำเป็นต้องออกข้อจำกัดด้านการเดินทางและการค้าอย่างกว้างขวาง “เหล่าประเทศที่ได้รับผลกระทบถูกร้องขอให้ตรวจวัดคัดกรองบุคคลขาออกทุกรายตามท่าอากาศยานนานาชาติ ท่าเรือและจุดผ่านแดนหลักๆ เพื่อหาผู้ป่วยที่มีอาการไข้ซึ่งไม่สามารถอธิบายได้และสอดคล้องกับการติดเชื้ออีโบลา บุคคลใดก็ตามที่มีอาการป่วยสอดคล้องกับอีโบลา ไม่ควรได้รับอนุญาตให้เดินทาง ยกเว้นมันจะเป็นส่วนหนึ่งของการอพยพทางการแพทย์อย่างเหมาะสม”
องค์การอนามัยโลกบอกต่อว่า หากนักเดินทางรายใดพำนักอยู่ในพื้นที่ที่มีรายงานพบผู้ติดเชื้ออีโบลาเมื่อเร็วๆ นี้ ควรเดินทางไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการป่วยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมีไข้ ปวดศีรษะ เจ็บคอ ท้องร่วง อาเจียนและอื่นๆ ขณะที่ประเทศใดๆ ที่ยังไม่พบผู้ติดเชื้ออีโบลา ก็ควรเสริมความสามารถในการตรวจหาและจำกัดวงการแพร่ระบาดใดๆ ได้อย่างทันท่วงที แต่ไม่แนะนำให้คัดครองอย่างเข้มข้นต่อผู้โดยสารขาเข้า “มันจะดีกว่าหากจะคัดกรองในประเทศต่างๆในส่วนหน้อ โฆษกของ WHO กล่าว
ด้านไลบีเรีย หนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสมรณะ เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการไล่ล่าผู้ติดเชื้อ 17 คนที่หลบหนีตามหลังเหตุโจมตีสถานกักกันแห่งหนึ่งในกรุงมันโรเวีย เพิ่มความกังวลว่าพวกเขาอาจแผ่ลามโรคระบาดที่แพร่กระจายได้ง่ายและคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วจำนวนมากนี้ “เรายังไม่พบพวกเขา” ลูอิส บราวน์ รัฐมนตรีข่าวสารบอก พร้อมระบุว่าคนเหล่านั้นขโมยผ้าปูเตียงเปื้อนเลือดไปด้วย ทำให้สถานการณ์แพร่ระบาดของอีโบลาเข้าขั้นเสี่ยงร้ายแรง
เมื่อวันเสาร์ (16) กลุ่มวัยรุ่นถือไม้เบสบอลและมีดบุกจู่โจมศูนย์กักกันผู้ต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อไวรัสอีโบลา ในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในเขตชุมชนแออัดเวสต์ปอยต์ ในกรุงมันโรเวีย โดยบางส่วนตะโกนว่า “ไม่มีอีโบลา” สะท้อนความเชื่อของพวกเขาที่มีต่อข่าวลือที่ว่าโรคระบาดนี้เป็นการจัดฉากโดยชาติตะวันตกเพื่อกดขี่ชาวแอฟริกา
เวลานี้เจ้าหน้าที่กำลังพิจารณาปิดพื้นที่ในละแวกดังกล่าว อันเป็นถิ่นฐานของประชากรราว 75,000 คน แม้รายงานข่าวบางส่วนบ่งชี้ว่าบางทีเหล่าผู้ป่วยที่ติดเชื้อได้หลบหนีออกจากเวสต์ปอยต์ไปหมดแล้ว “พวกฮูลิแกนที่ปล้นศูนย์กักกัน ตอนนี้บางทีอาจกลายเป็นพาหนะของเชื้อโรคหมดแล้ว” โฆษกของประธานาธิบดีเอลเลน จอห์นวัน เซอร์ลีฟกล่าว “เราเสี่ยงที่จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยุ่งยากซับซ้อนในการควบคุมการแพร่ระบาด”
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกที่เผยแพร่เมื่อวันพุธที่ 13 สิงหาคม อีโบลา คร่าชีวิตชาวบ้านในแอฟริกาตะวันตกไปแล้วอย่างน้อย 1,145 ศพ นับตั้งแต่ต้นปี ในนั้นแยกเป็น ไลบีเรีย 413 ศพ กินี 380 ศพ เซียร์ราลีโอน 348 ศพและ 4 ศพที่ไนจีเรีย ถือเป็นการแพร่ระบาดครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแตามันปรากฏตัวหนแรกเมื่อปี 1976
