1. เฟอร์นิเจอร์บุนวม
ผ้าบุนวมที่อยู่ในเฟอร์นิเจอร์ ไม่ว่าจะเป็นโซฟาหรือเก้าอี้นั่ง จัดว่าเป็นแหล่งซ่อนตัวชั้นดีของไรฝุ่น เชื้อโรค และหากมีความชื้นผสมอยู่ด้วยก็จะมีเชื้อราเพิ่มเข้ามาอีกอย่าง และทั้งหมดนี้ก็เป็นจอมวายร้าย กระตุ้นอาการโรคภูมิแพ้ให้กำเริบได้ไม่ยากเลยล่ะ แต่หากต้องการจะป้องกันฝุ่นและความชื้น คุณก็ทำได้ง่าย ๆ ด้วยการคลุมโซฟาและเก้าอี้ด้วยผ้าผืนใหญ่ จะได้นำผ้าคลุมไปซักทำความสะอาดได้บ่อย ๆ นอกจากนี้ก็อาจจะใช้วิธีดูดฝุ่นเป็นประจำ รวมทั้งใช้เครื่องลดความชื้นช่วยด้วยอีกแรงก็ได้
2. ที่นอน หมอน ผ้าห่ม
ไม่มีทางที่เราจะจินตนาการได้เลยว่า หลังจากการนอนหลับในทุกวัน ตื่นเช้ามาร่างกายจะผลัดเซลล์ผิวทิ้งไว้บนเตียง หมอน และผ้าห่มจำนวนมากแค่ไหน ซึ่งแม้ว่าเครื่องนอนทุกชิ้นจะดูสะอาดปลอดภัยดี แต่เซลล์ผิวที่ตายแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับไรฝุ่นชนิดอื่น ๆ ที่มีผลกระทบมากพอจะทำให้คุณรู้สึกคัดจมูกจนต้องจามฟุดฟิด หรือบางคนอาจจะมีอาการคันยุบยิบร่วมด้วยก็ได้ รู้อย่างนี้แล้วก็พยายามทำความสะอาดเครื่องนอนทุกสัปดาห์ด้วยการนำผ้าปูเตียง ผ้าคลุมเตียง ปลอกหมอนไปซัก และนำที่นอนไปตากแดด หรือดูดฝุ่นก็แล้วแต่สะดวก
3. ห้องน้ำ
ห้องน้ำจัดเป็นสถานที่เพาะเลี้ยงเชื้อราขนาดย่อมก็ว่าได้ เพราะมีทั้งความชื้นและอุณหภูมิที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเชื้อรา ซึ่งมักจะหลบมุมไปเกิดตรงร่องกระเบื้อง ใต้อ่างล้างหน้า หรือแม้แต่บนม่านกั้นห้องน้ำใส ๆ ของเราเลยทีเดียว และเราจะปล่อยไว้อย่างนี้ก็คงไม่ดีแน่ ถ้าอย่างนั้นจัดการกำจัดเชื้อราด้วยการทำความสะอาดห้องน้ำทุกซอกทุกมุมให้หมดจดอยู่เสมอดีกว่าเนอะ
4. ตุ๊กตา และของเล่นเด็ก
ทั้งความชื้น และฝุ่นไร บวกกับเชื้อโรคชนิดต่าง ๆ มีสิทธิ์จะหลบซ่อนอยู่ในตุ๊กตาหมี และของเล่นลูกรักด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะตุ๊กตาตัวโปรดที่ลูกกอดเป็นประจำ เจ้าตัวนี้มีโอกาสเปียกชื้นจากเหงื่อ น้ำลาย จนกลายเป็นแหล่งกำเนิดเชื้อราตัวฉกาจ ก่อโรคภูมิแพ้ให้ลูกรักได้ง่าย ๆ ดังนั้นคุณควรทำความสะอาดของเล่นของลูกเสมอ ยิ่งถ้าเป็นของเล่นจำพวกตุ๊กตา ก็ควรต้องซักและตากแดดจัด ๆ ให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยนะคะ
5. ห้องครัว
ห้องครัวก็เป็นอีกที่ที่มักจะมีความชื้นสะสม และเป็นเหมือนโรงแรมชั้นดีของเชื้อรากับเชื้อโรคอีกหลายชนิด เพราะในห้องครัวมีทั้งเนื้อสัตว์และผักสด ของสดเหล่านี้มีโอกาสเน่าเสียได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะตู้เย็นที่ไม่ค่อยได้เคลียร์ของ หรือทำความสะอาด อาหารเก่าเก็บ และคราบสกปรกต่าง ๆ ก็จะกลายร่างเป็นพาหะตัวใหญ่ที่สามารถนำโรคภูมิแพ้มาสู่คุณ รวมทั้งคนในครอบครัวอย่างถ้วนหน้าเลยล่ะ
6. กระถางต้นไม้ในบ้าน
กระถางต้นไม้ในบ้านเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญที่พลาดไม่ได้เลยทีเดียว ไม่เชื่อลองสังเกตตามใบไม้ที่แห้งเหี่ยว และพื้นด้านล่างกระถางต้นไม้ดูก็ได้ คุณอาจจะได้เห็นจุดดำ ๆ กระจายเป็นหลักฐานอยู่ทนโท่ อย่างนี้แล้วคงต้องรีบจัดการโดยด่วน ด้วยการเด็ดใบไม้ที่เหลืองและเหี่ยวเฉาทิ้ง จากนั้นก็ทำความสะอาดพื้นที่ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อให้หมดจด แต่ในระยะยาวคุณควรหาจานรองกระถางมาตั้งไว้ และรดน้ำต้นไม้ในปริมาณที่เหมาะสมจะดีกว่า
9 จุดเสี่ยงกระตุ้นโรคภูมิแพ้ ที่แท้ก็ซ่อนอยู่ในบ้าน !
7. สัตว์เลี้ยงแสนรัก
ไม่เพียงแต่ขนนุ่ม ๆ ของเจ้าเหมียว และน้องหมาเท่านั้นที่เป็นสาเหตุหลัก ๆ ของโรคภูมิแพ้ แต่โปรตีนจากสะเก็ดผิวหนังของสัตว์เลี้ยง ก็เป็นพาหะของโรคภูมิแพ้ในคนเช่นกัน นอกจากนี้ทั้งขนและสะเก็ดผิวหนังยังมักจะแอบซ่อนอยู่ตามผืนพรม และเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ แบบติดหนึบ ซึ่งหากวาคุณไม่อยากมีอาการกำเริบ หรือไม่อยากเสี่ยงเป็นโรคภูมิแพ้ก็แบ่งอาณาเขตสำหรับน้องหมา และเจ้าเหมียวโดยเฉพาะดีกว่า ที่สำคัญต้องไม่พาเขาไปนอนด้วยเด็ดขาดเลยนะจ๊ะ
8. พรม
ปฏิเสธไม่ได้ว่าผืนพรมลวดลายสวย ๆ เป็นได้ทั้งของตกแต่งบ้านและของใช้ที่แสนเก๋ แต่พรมก็มักจะมีฝุ่นไรขนาดเล็กมาอาศัยอยู่เช่นกัน ซึ่งฝุ่นขนาดเล็กที่ว่านี้ก็เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดอาการของโรคภูมิแพ้ในคนด้วย ดังนั้นหากคุณต้องการจะตกแต่งบ้านด้วยพรมจริง ๆ ก็ควรต้องทำความสะอาดพรมด้วยการดูดฝุ่นบ่อย ๆ นอกจากนี้ก็ควรต้องใช้เครื่องปรับอากาศที่มีระบบฟอกอากาศแบบ HEPA ด้วยนะคะ
9. หนังสือ
น่าตกใจไม่น้อยนะคะที่ได้รู้ว่า ในหนังสือก็อาจจะมีฝุ่นไรขนาดเล็ก และเหาหนังสือ ตัวการของโรคภูมิแพ้กับเขาเหมือนกัน แต่ข้อมูลที่เราบอกไปทั้งหมดก็เป็นความจริงอย่างที่สุดเลยล่ะ โดยเฉพาะหนังสือที่ตั้งเด่นบนชั้นหนังสือแบบเปิดโล่ง ไม่มีประตู หรือกระจกกันฝุ่นปกป้องหนังสือแต่อย่างใด เอาล่ะ ! รู้อย่างนี้แล้วคงต้องรีบเก็บหนังสือให้มิดชิด รวมทั้งอย่าลืมทำความสะอาดหนังสือก่อนจะหยิบมาอ่านด้วยนะจ๊ะ
แม้จะไม่น่าแปลกใจเท่าไรที่แหล่งกำเนิดของเชื้อโรคที่ทำให้เราเกิดอาการภูมิแพ้จะซ่อนตัวอยู่ในบ้านเรา แต่แหล่งกำเนิดบางจุดก็ต้องบอกว่า ค่อนข้างทำให้เราเซอร์ไพร์สได้ไม่เบาเลยนะคะ ดังนั้นวิธีปกป้องสุขภาพของทุกคนในบ้านที่ดีที่สุด ก็คงไม่พ้นต้องขยันทำความสะอาดบ้าน รวมทั้งดูแลสภาพแวดล้อมภายในบ้านอย่างใกล้ชิดนั่นเอง