เอเอฟพี - สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงปิดฉากการเสด็จฯ เยือนทวีปเอเชียเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีของประมุขคริสตจักรคาทอลิก โดยทรงเรียกร้องให้เกาหลีเหนือและใต้ละทิ้งความคลางแคลงใจต่อกัน และกลับมารวมเป็น “ครอบครัวเดียว ประชาชาติเดียว” อีกครั้งหนึ่ง วันนี้ (18 ส.ค.)
พระสันตะปาปาทรงประกาศคำเรียกร้องดังกล่าวระหว่างพิธีสวดมิสซาเพื่อความปรองดอง ซึ่งจัดขึ้นที่โบสถ์ใจกลางกรุงโซล ในช่วงเวลาเดียวกับที่เกาหลีใต้และสหรัฐฯเปิดฉากการซ้อมรบร่วม ซึ่งถูกเกาหลีเหนือประณามว่าเป็นการ “ซ้อมรุกราน”
พระสันตะปาปาได้ประทานพระโอวาทต่อคริสตชนที่โบสถ์เมียงดอง รวมถึงประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย ที่เข้าร่วมฟังเทศน์ด้วย โดยตรัสว่าหนทางสู่การปรองดองนั้นมักเต็มไปด้วยข้อเรียกร้องที่ยากจะรับได้เสมอ
“ในฐานะที่เป็นชาวคริสต์และชาวเกาหลี มันเป็นเรื่องท้าทายสำหรับพวกท่านที่จะต้องปฏิเสธความเชื่อซึ่งถูกหล่อหลอมด้วยความคลางแคลงใจ การเผชิญหน้า และการชิงดีชิงเด่นซึ่งกันและกัน”
เจ้าหน้าที่โบสถ์เกาหลีใต้เคยส่งหนังสือเชิญให้เปียงยางส่งตัวแทนชาวคริสต์คาทอลิกมาร่วมพิธีมิสซา ทว่าเกาหลีเหนือก็ปฏิเสธอย่างไม่ไยดี โดยอ้างว่าไม่พอใจที่โซลไม่ยอมระงับแผนซ้อมรบกับสหรัฐฯ
“การให้อภัยกันคือประตู่สู่การปรองดอง... แม้อาจจะดูเป็นไปไม่ได้ และทำไม่ได้ในช่วงเวลาแห่งการเป็นปฏิปักษ์กันก็ตาม” พระสันตะปาปาตรัส
“ดังนั้น ขอให้เราทั้งหลายจงสวดมนต์วิงวอนให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้มีโอกาสพูดคุย พบปะ และหาทางแก้ไขความแตกต่าง และเพื่อให้เกิดการตระหนักว่า ชาวเกาหลีทุกคนล้วนแต่เป็นพี่น้องกัน เป็นครอบครัวและประชาชาติหนึ่งเดียวกัน”
พิธีมิสซาในวันนี้ (18) เป็นกิจกรรมสำคัญที่หลายฝ่ายเฝ้ารอคอยสำหรับการเสด็จฯ เยือนเกาหลีใต้เป็นเวลา 5 วันของโป๊ป ซึ่งพระองค์ก็ได้ตรัสถึงหลายประเทศเอเชีย รวมถึงเกาหลีเหนือและจีน ซึ่งไม่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับสำนักวาติกัน
พระสันตะปาปายังทรงใช้เวลาช่วงหนึ่งตรัสทักทายหญิงสูงวัยชาวเกาหลี ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกเกณฑ์เป็น “สตรีเพื่อการผ่อนคลาย” บำเรอกามแก่พวกทหารญี่ปุ่นเมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ขณะที่พิธีมิสซาเพื่อความปรองดองถูกจัดขึ้น สหรัฐฯและเกาหลีใต้ก็ได้เริ่มปฏิบัติการซ้อมรบประจำปีภายใต้รหัส “อุลจิ ฟรีดอม การ์เดียน” ซึ่งมีทหารจากสองชาติเข้าร่วมหลายหมื่นคน
โสมแดงเรียกร้องหลายต่อหลายครั้งให้โซลยกเลิกการซ้อมรบกับสหรัฐฯ และเมื่อวานนี้ (17) ประธานเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีเหนือก็ออกมาขู่ว่า กองทัพโสมแดงอาจตัดสินใจ “โจมตีขั้นเด็ดขาดอย่างไร้ความปรานีโดยไม่แจ้งเตือนล่วงหน้า” หากยังมีการซ้อมรบเกิดขึ้น
ศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกก็เช่นเดียวกับศาสนาอื่นๆ ในเกาหลีเหนือที่ได้รับอนุญาตให้ทำกิจกรรมได้อย่างจำกัดจำเขี่ย และต้องอยู่ภายใต้การดูแลของสมาคมคาทอลิกเกาหลีที่รัฐบาลควบคุมอยู่เท่านั้น
สมาคมดังกล่าวไม่มีความสัมพันธ์เชิงลำดับชั้นกับวาติกัน และไม่มีบาทหลวงหรือแม่ชีคริสต์ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
รายงานจากคณะกรรมาธิการสหประชาชาติว่าด้วยการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนเกาหลีเหนือเมื่อไม่นานนี้ ระบุว่า เปียงยางถือว่าการทำกิจกรรมทางศาสนาคริสต์ภายนอกโบสถ์ที่รัฐบาลอนุมัติเป็น “อาชญากรรมการเมือง” อย่างหนึ่ง
