รอยเตอร์ - สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงประกอบพิธีมิสซากลางแจ้งที่ใจกลางกรุงโซลท่ามกลางคริสตศาสนิกชนชาวเกาหลีใต้นับหมื่นคนในวันนี้ (16 ส.ค.) โดยพระประมุขแห่งคริสตจักรคาทอลิกทรงแสดงความเป็นห่วงในเรื่องช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจน และทรงวิงวอนให้ผู้ที่มั่งมีรับฟัง “เสียงโอดครวญ” ของผู้ที่ยากลำบากกว่า
พระสันตะปาปาชาวอาร์เจนตินาทรงมีพระดำรัสดังกล่าว ขณะที่ทรงประสาทพรแก่ดวงวิญญาณชาวเกาหลี 124 คนที่ถูกสังหารในช่วงศตวรรษที่ 18 และ 19 เพราะไม่ยอมละทิ้งความศรัทธาในคริสตศาสนา
ทั้งนี้ พิธีประสาทพร (beatification) ถือเป็นขั้นตอนสุดท้าย ก่อนที่บุคคลนั้นๆ จะได้รับการยกสถานะเป็น “นักบุญ” ในคริสตจักรโรมันคาทอลิก
พระสันตะปาปาฟรานซิสตรัสยกย่องความกล้าหาญของชาวเกาหลีที่สละชีพเพื่อศาสนาคริสต์ และชี้ว่าความใจบุญสุนทาน ตลอดจนการปฏิเสธที่จะไหลตามโครงสร้างสังคมในยุคสมัยของพวกเขา ถือเป็นแรงบันดาลใจต่อผู้คนในปัจจุบัน
“สิ่งที่พวกเขากระทำไว้เป็นแบบอย่างได้สอนอะไรมากมายแก่พวกเรา ซึ่งอาศัยอยู่ในสังคมที่ความมั่งคั่งร่ำรวยและความยากจนสุดขีดกำลังเติบโตอย่างเงียบๆ สังคมที่แทบไม่รับฟังเสียงของผู้ยากไร้ และสังคมที่พระคริสต์ยังทรงเรียกร้องให้เรารู้จักที่จะรักกัน และรับใช้พระองค์ด้วยการช่วยเหลือพี่น้องของเราที่เดือดร้อน”
ประเด็นเหล่านี้คือสิ่งที่พระสันตะปาปาทรงเน้นย้ำมาโดยตลอดตั้งแต่เสด็จถึงเกาหลีใต้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (14) ซึ่งนับว่าเป็นการเยือนทวีปเอเชียครั้งแรกของพระองค์ นับตั้งแต่ทรงก้าวสู่ตำแหน่งประมุขคริสตจักรคาทอลิก เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2013
เมื่อปีที่แล้ว สมเด็จพระสันตะปาปาได้ทรงเริ่มงานเขียนชิ้นแรกของพระองค์ โดยทรงโจมตีระบบทุนนิยมว่าเป็น “ทรราชยุคใหม่” พร้อมทั้งทรงวิงวอนให้ผู้นำประเทศต่างๆ เร่งแก้ไขปัญหาความยากจนและความไม่เท่าเทียมกันในสังคม
เศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นหนึ่งในประเทศร่ำรวยที่สุดในโลก แต่ขณะเดียวกัน ความเหลื่อมล้ำในสังคมก็เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
ปัจจุบัน ผู้สูงอายุเกาหลีใต้เกือบครึ่งหนึ่งมีชีวิตอยู่อย่างแร้นแค้น
พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงประกอบพิธีมิสซาที่แท่นปะรำพิธีสีขาวหน้าประตูกวางฮวามุน ซึ่งเป็นสถานที่ประหารชีวิตชาวเกาหลีที่นับถือคริสต์ในสมัยราชวงศ์โชซอน
ขณะที่ทรงพระดำเนินไปยังแท่นพิธีนั้น พระสันตะปาปาได้ทรงหยุดชั่วขณะ และทรงสวดมนต์ร่วมกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเรือเฟอร์รีเซวอล ซึ่งหนึ่งในนั้นได้ถวายจดหมายฉบับหนึ่งแก่พระองค์ และกราบทูลว่า “โปรดอย่าทรงลืม”
เรือเฟอร์รีเซวอลอับปางลงกลางทะเลระหว่างเดินทางไปยังเกาะเชจู เมื่อวันที่ 16 เมษายน ทำให้มีผู้โดยสารเสียชีวิตกว่า 300 คน ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนมัธยมที่กำลังจะเดินทางไปทัศนศึกษา
ประวัติความเป็นมาของศาสนาคริสต์บนคาบสมุทรเกาหลีนั้นค่อนข้างโดดเด่นตรงที่ว่า ไม่ได้เกิดจากการเผยแผ่โดยมิชชันนารีตะวันตก แต่ปัญญาชนชาวเกาหลีในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ได้อ่านเรื่องราวของศาสนาคริสต์จากวรรณกรรมที่มาจากจีน และเริ่มก่อตั้งชุมชนของพวกเขาขึ้นมาเอง
ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเติบโตอย่างรวดเร็วในเกาหลีใต้ โดยมีผู้ยอมรับนับถือเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีชาวเกาหลีใต้ที่นับถือคริสต์คาทอลิกราว 11% ของประชากรทั้งประเทศ และเพิ่มจำนวนขึ้นราวๆ 100,000 คนทุกปี