เอเอฟพี - กองกำลังชาวเคิร์ดซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากฝูงเครื่องบินรบของสหรัฐฯ สามารถยึดคืนเขื่อนขนาดใหญ่ที่สุดในอิรักจากเงื้อมมือกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (Islamic State - IS) ได้แล้วเมื่อวานนี้ (17 ส.ค.) ขณะที่ชนเผ่าอาหรับนิกายสุหนี่และกองกำลังความมั่นคงอิรักผนึกกำลังต่อสู้กลุ่มติดอาวุธทางฝั่งตะวันตกของกรุงแบกแดด
การกอบกู้เขื่อนโมซุลกลับคืนมาได้ถือเป็นความสำเร็จชิ้นโบแดงสำหรับฝ่ายอิรัก และเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่เช่นกันสำหรับนักรบญิฮาดไอเอสที่ได้ปฏิบัติการยึดเมืองทางตอนเหนือของอิรักมาตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน โดยที่กองกำลังความมั่นคงอิรักไม่สามารถที่จะต้านทานได้
กลุ่มสังเกตการณ์ระบุว่า ไอเอสซึ่งได้ประกาศให้พื้นที่กว้างขวางทางตอนเหนือของอิรักและซีเรียที่พวกเขายึดไว้ได้เป็นรัฐอิสลามที่ปกครองด้วยระบบ “คอลีฟะห์” ยังถูกกองทัพของดามัสกัสโจมตีที่เมืองรอกเกาะห์ ฐานที่มั่นสำคัญของพวกเขาในซีเรียด้วย
เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นตลอด 2 เดือนที่ผ่านมาทำให้อิรักแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ทว่าผู้นำทั่วโลกก็พอใจชื้นขึ้นมาบ้าง เมื่อนายกรัฐมนตรี นูรี อัล-มาลิกี ผู้ใช้นโยบายแบ่งแยกกีดกันชาวสุหนี่จนเป็นต้นเหตุการลุกฮือ ยอมที่จะสละตำแหน่ง
นานาชาติได้ส่งความช่วยเหลือเข้าไปยังพลเรือนอิรักนับแสนๆ คนที่ต้องละทิ้งบ้านเรือน รวมถึงจัดส่งอาวุธช่วยกองกำลังเปชเมอร์กาของชาวเคิร์ดด้วย
กองกำลังชาวเคิร์ดซึ่งมีใจฮึกเหิมเต็มที่หลังจากประธานาธิบดี บารัคโอบามา แห่งสหรัฐฯ ออกคำสั่งโจมตีทางอากาศ ได้เริ่มต่อสู้เพื่อทวงคืนดินแดนที่พวกเขาสูญเสียไป รวมถึงเขื่อนโมซุลที่ถูกกลุ่มไอเอสยึดครองไว้ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม
“เขื่อนโมซุลถูกยึดกลับมาได้อย่างสมบูรณ์แล้ว” อาลี เอานี เจ้าหน้าที่จากพรรคการเมืองเคิร์ดในอิรักให้สัมภาษณ์ ซึ่งหลังจากนั้นก็มีคำยืนยันจากสมาชิกพรรคอีกคนหนึ่ง รวมถึงเจ้าหน้าที่ความมั่นคงชาวเคิร์ดด้วย
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่อาวุโสในกองทัพอิรักบอกกับเอเอฟพีว่า แม้การต่อสู้จะจบลงแล้ว แต่พื้นที่บางจุดรอบๆ เขื่อนโมซุลยังไม่สามารถเข้าถึงได้ เนื่องจากยังมีระเบิดที่พวกกลุ่มก่อการร้ายฝังทิ้งไว้
ศูนย์บัญชาการกลางสหรัฐฯ (US Central Command - CENTCOM) แถลงว่า เมื่อวานนี้ (17) กองทัพอเมริกันได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศทั้งหมด 14 ครั้งใกล้กับเขื่อนโมซุล ซึ่งตั้งอยู่บนแม่น้ำไทกริส และเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าและน้ำเพื่อการชลประทานแก่พื้นที่การเกษตรส่วนใหญ่ในแถบนี้
เซ็นต์คอมระบุว่า การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ สามารถทำลายยานเกราะของกลุ่มไอเอสไปได้ 10 คัน รถฮัมวี 7 คัน ยานพาหนะหุ้มเกราะสำหรับขนส่งบุคลากร 2 คัน และจุดตรวจของไอเอสอีก 1 จุด
ด้านศูนย์สังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียซึ่งมีฐานในกรุงลอนดอน เปิดเผยว่า กองทัพอากาศซีเรียได้ส่งเครื่องบินไปโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มไอเอสในเมืองร็อกเกาะห์ถึง 16 ครั้ง และยังโจมตีอีกหลายระลอกที่เมืองต็อบเกาะห์ จนสังหารนักรบญิฮาดไปอย่างน้อย 31 คน และพลเรือนอีก 8 คน
“รัฐบาลซีเรียต้องการแสดงให้สหรัฐฯ เห็นว่าพวกเขาก็มีศักยภาพที่จะตอบโต้กลุ่มไอเอสได้เช่นกัน” รามี อับเดล ราห์มาน ผู้อำนวยการศูนย์สังเกตการณ์ฯ ระบุ
ทางภาคเหนือของอิรัก บรรดาชนกลุ่มน้อย เช่น ชาวยาซิดี ชาวคริสต์ ชาวชาบัก และชาวเติร์ก ยังคงตกเป็นเป้าหมายลักพาตัวโดยกลุ่มไอเอส หรือไม่ก็ถูกสังหารอย่างไร้ความปรานี โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (15) นักรบญิฮาดได้สังหารชาวเคิร์ดเชื้อสายยาซิดีไปราว 80 คนที่หมู่บ้านโกโช ใกล้ๆ กับเมืองซินจาร์
นักสิทธิมนุษย์ชนและชาวบ้านในท้องถิ่นระบุว่า นักรบไอเอสสั่งให้ชนกลุ่มน้อยในเมืองโมซุลเปลี่ยนมายอมรับนับถือศาสนาอิสลามหรือไม่ก็ออกจากเมืองไปเสีย ผู้ใดที่ขัดขืนก็จะถูกลงโทษอย่างโหดเหี้ยม