รอยเตอร์ - กองกำลังติดอาวุธของเยอรมนีวันนี้ (15 ส.ค.) เริ่มขนสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปแจกจ่ายประชาชนหลายพันคนที่หลบหนีจากการไล่ล่าของกลุ่มติดอาวุธมุสลิมสุหนี่ “รัฐอิสลาม” (IS) จนไปติดอยู่บนภูเขาซินจาร์ ทางตอนเหนือของอิรัก ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมเมืองเบียร์แถลงว่า เยอรมนีกำลังพิจารณาว่า จะสามารถจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ไปให้กองกำลังในพื้นที่ดังกล่าวได้หรือไม่
เครื่องบินลำแรกได้ออกเดินทางไปยังอาร์บิล เมืองหลวงของเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถานแห่งอิรัก เพื่อลำเลียงยารักษาโรค อาหาร และผ้าห่ม ไปมอบให้ผู้ลี้ภัย ขณะที่เบอร์ลินยังวางแผนจะส่งอากาศยานไปแจกจ่ายความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมเพิ่มเติมในวันเดียวกันนี้
อูร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเยิน รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมัน กล่าวกับผู้สื่อข่าว ณ ฐานทัพอากาศโฮน ทางตอนเหนือของเยอรมนีว่า “แน่นอนว่านี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น และเราจะระดมกำลังส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปอีกหากจำเป็น และตอนนี้ก็เริ่มชัดเจนแล้วว่า เราคงต้องส่งไปเพิ่ม”
เธอกล่าวเสริมว่า “นอกจากนี้เรากำลังตรวจสอบว่า ยังขาดเหลืออุปกรณ์อะไรบ้าง” เช่น หมวกเหล็ก และเสื้อเกราะ
ฟอน แดร์ ไลเยิน กล่าวว่า กำลังทหารอิรักกำลังอยู่ระหว่างเข้ารับการฝึก และต้องการอาวุธแบบสมัยสหภาพโซเวียต แต่ “เยอรมนีไม่มีระบบอาวุธแบบนั้น และอาจจัดหาให้ไม่ได้”
อย่างไรก็ตาม ในการให้สัมภาษณ์ “บิลด์” หนังสือพิมพ์รายวันที่มียอดขายมหาศาล เธอกล่าวว่า “หากอาวุธของเยอรมันสามารถใช้ป้องกันการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ได้ เราก็ต้องช่วย”
เมื่อวันพุธ (13) ฟรังค์ วัลเทอร์ ชไตน์ไมเออร์ รัฐมนตรีต่างประเทศเบอร์ลินกล่าวว่า เยอรมนีกำลังเตรียมผ่อนปรนนโยบายว่าด้วยการส่งออกอาวุธอันเข้มงวดเคร่งครัด เพื่อติดอาวุธให้กองกำลังชาวเคิร์ดไว้ต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มติดอาวุธแบ่งแยกดินแดนมุสลิมสุหนี่ “รัฐอิสลาม” ซึ่งประกาศจัดรัฐอิสลามสุหนี่ที่ปกครองด้วยระบบ “คอลีฟะห์” คร่อมพื้นที่อิรักและซีเรีย ได้โจมกวาดล้างทั่วภาคเหนือของอิรัก โดยผลักดันกองกำลังชาวเคิร์ด และบีบบังคับให้ชนกลุ่มน้อยชาวยาซิดี รวมทั้งผู้นับถือศาสนาคริสต์หลายหมื่นคนต้องละทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือนหนีเหตุรุนแรง