เอเจนซีส์ - ขบวนรถบรรทุก 200 คันของรัสเซียซึ่งระบุว่าลำเลียง “ความช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรม” ได้เปลี่ยนเส้นทางและเคลื่อนเข้าใกล้จุดผ่านแดนที่พวกกบฏในยูเครนตะวันออกยึดครองอยู่ เป็นการตอกย้ำความกังวลของกรุงเคียฟและฝ่ายตะวันตกว่า แดนหมีขาวกำลังใช้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมบังหน้าเพื่อส่งความสนับสนุนทางการทหารเพิ่มเติมให้แก่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนนิยมเครมลิน
ขบวนรถ 262 คัน ซึ่งเป็นรถบรรทุกสิ่งของความช่วยเหลือราว 200 คัน ถูกบีบให้เดินทางอ้อม หลังจากยูเครนประกาศไม่อนุญาตให้ข้ามแดนบริเวณตะวันออกเฉียงเหนือที่กรุงเคียฟควบคุมอยู่ โดยขบวนรถนี้ได้จอดอยู่ในคลังสรรพาวุธในเมืองโวโรเนซห์ ทางใต้ของรัสเซียตั้งแต่ค่ำวันอังคาร (12 ส.ค.) ขณะที่มอสโกกับเคียฟตกลงกันไม่ได้ว่า จะส่งความช่วยเหลือเข้าสู่ยูเครนอย่างไรและที่ใด
อย่างไรก็ดี ในวันพฤหัสบดี (14) ขบวนความช่วยเหลือนี้ออกเดินทางต่อ โดยมุ่งหน้าทางตะวันตกไปยังจุดผ่านแดนอิซวารีน ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกบฏยูเครนตะวันออก แทนการข้ามแดนที่เมืองคาร์คีฟ ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมของรัฐบาลยูเครน โดยที่เคียฟและฝ่ายตะวันตกเข้าใจกันว่า เพื่อหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามข้อตกลงในการยอมให้เคียฟและสภากาชาดสากล (ICRC) เป็นผู้ตรวจสอบขบวนรถว่าบรรทุกอะไรมาแน่ ในขณะที่รัสเซียระบุว่า บรรทุกความช่วยเหลือหนัก 1,800 ตัน เช่น อาหารทารก อาหารกระป๋อง เครื่องปั่นไฟแบบพกพา และถุงนอน
สถานีทีวีรอสซิยาของทางการรรัสเซียแก้ต่างกรณีการเปลี่ยนเส้นทางของขบวนรถลำเลียงความช่วยเหลือว่า เนื่องจากรัฐบาลยูเครนไม่อนุญาตให้ขบวนรถเดินทางเข้าสู่คาร์คีฟ
แต่สำนักประธานาธิบดียูเครนแถลงก่อนหน้านี้ว่า จะยอมรับความช่วยเหลือผ่านจุดผ่านแดนที่รัฐบาลควบคุมในคาร์คีฟ โดยมีสภากาชาดดำเนินการตรวจสอบ
ขณะเดียวกัน อนาสตาเซีย ไอซิก โฆษกหญิงของ ICRC ย้ำว่า การเจรจาระหว่าง ICRC ยูเครน และรัสเซีย ยังคงดำเนินต่อไป แต่เธอไม่สามารถยืนยันได้ว่า ขบวนรถของรัสเซียกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด
ทางด้านประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่เดินทางไปพบปะหารือกับสมาชิกรัฐสภาไครเมีย ซึ่งเป็นดินแดนที่แยกตัวจากยูเครนและรัสเซียประกาศผนวกรวมเป็นส่วนหนึ่งของประเทศตนไปตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับขบวนรถดังกล่าว แต่บอกว่ารัสเซียกำลังทำเท่าที่ทำได้เพื่อหยุดยั้งการนองเลือดในยูเครนโดยเร็วที่สุด
นอกจากนั้น ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกของปูตินยังยืนยันเมื่อวันพุธว่า การจัดส่งความช่วยเหลือได้รับความร่วมมืออย่างเต็มที่จากสภากาชาด แต่ไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเส้นทางการขนส่ง
ทว่า เจ้าหน้าที่ยูเครนกลับกังวลว่า ขบวนความช่วยเหลือดังกล่าวจะเป็นข้ออ้างให้รัสเซียเข้าไปปักหลักในยูเครนตะวันออกอย่างถาวร และการเจรจาที่เป็นไปอย่างสับสนวุ่นวายก็ทำให้ทั้งเคียฟและตะวันตกกลัวว่า รัสเซียอาจกำลังเข้าแทรกแซงในยูเครนตะวันออก
ผู้นำในยูเครนและตะวันตกต่างกล่าวหามอสโกว่า ให้การสนับสนุนอาวุธและความเชี่ยวชาญแก่กบฏโปรรัสเซียในยูเครนตะวันออกที่ต่อสู้กับรัฐบาลกลางมาตั้งแต่เดือนเมษายน ซึ่งทางมอสโกปฏิเสธมาตลอด
วันพุธที่ผ่านมา (13) ประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโกของยูเครน กล่าวหาว่า มอสโกอาจวางแผน “รุกรานโดยตรง โดยใช้การส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมบังหน้า
ต่อมาในวันพฤหัสบดี รัฐบาลยูเครนประกาศว่า ได้จัดขบวนรถลำเลียงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของตนเอง โดยจะออกเดินทางทั้งจากเคียฟ ดีโนโปรเปตรอฟสก์ และคาร์คีฟ ไปยังลูกันสก์ ในยูเครนตะวันออก แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งของที่จะนำไปมอบ
ไม่ว่ารัฐบาลเคียฟ รัสเซีย หรือนานาชาติ ต่างดูจะเห็นพ้องกันในประเด็นที่ จำเป็นต้องหาทางส่งความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาวิกฤตด้านมนุษยธรรมในยูเครนตะวันออก ซึ่งบังเกิดขึ้นในขณะที่กองทัพยูเครนกำลังรุกหนักเพื่อขับไล่กลุ่มกบฏที่ยึดโดเนตสก์และลูฮันสก์
ในวันพุธ สำนักงานสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แถลงว่า จากการประเมินอย่างคร่าวๆ คาดว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากการปะทะระหว่างกบฏโปรรัสเซียกับกองกำลังเคียฟเพิ่มเป็นอย่างน้อย 2,086 ราย ณ วันที่ 10 เดือนนี้ จาก 1,129 คนเมื่อวันที่ 26 เดือนที่ผ่านมา