xs
xsm
sm
md
lg

ทีมผู้เชี่ยวชาญชาวดัตช์ตรวจศพMH17โลกตะวันตกเดือดกบฎยูเครนขวางการสอบสวน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



เอเจนซีส์ - ทีมผู้เชี่ยวชาญชาวดัตช์ซึ่งเดินทางไปถึงจุดที่เที่ยวบิน MH17 ตกแล้ว ได้เริ่มเข้าตรวจสอบร่างผู้เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมคราวนี้ โดยที่ล่าสุดในวันจันทร์ (21 ก.ค.) ได้พบศพเพิ่มขึ้นอีก 21 ศพ ส่วนทางด้านผู้นำโลกตะวันตกก็พากันประณามกลุ่มกบฎยูเครนตะวันออกที่นิยมรัสเซีย ว่าพยายามบิดเบือนทำลายหลักฐาน หลังจากก่อนหน้านี้สหรัฐฯออกมาระบุ มีหลักฐานอันแน่นหนาชี้ชัด ขบวนการแบ่งแยกดินแดนในยูเครนคือผู้ที่ใช้จรวดซึ่งมอสโกจัดหาให้ยิงเครื่องบินโบอิ้ง 777 ของมาเลเซีย แอร์ไลน์ลำนี้ตก

ความพยายามในการดำเนินการสืบสวนสอบสวนของนานาชาติ เกี่ยวกับกรณีเครื่องบินโดยสารของมาเลเซีย แอร์ไลน์ (MAS) เที่ยวบิน MH17 ถูกยิงตกตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว (17) ซึ่งปรากฏว่าประสบความยุ่งยากจากพวกขบวนการแบ่งแยกดินแดนโปรรัสเซียที่ควบคุมพื้นที่บริเวณที่เครื่องบินตก ได้สร้างความขุ่นเคืองให้แก่ทั่วโลกตะวันตก โดยเฉพาะประเทศที่พลเมืองของตนอยู่บนเครื่องบินลำดังกล่าวและเสียชีวิตทั้งหมด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจากนานาชาติยังสามารถเข้าถึงที่เกิดเหตุได้อย่างจำกัด

นายกรัฐมนตรีอาร์เซนีย์ ยัตเซนยุคของยูเครนกล่าวเมื่อวันจันทร์ (21) ว่า เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินได้พบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 21 ศพ รวมพบแล้ว 272 ศพ จากผู้เสียชีวิต 298 ราย ร่างที่พบใหม่เหล่านี้ถูกส่งไปจัดเก็บรวมกับศพที่พบก่อนหน้านี้ในห้องเย็นบนรถไฟที่จอดอยู่ที่สถานีทอเรซ โดยมีกลุ่มกบฏติดอาวุธเฝ้าอยู่รอบขบวนรถไฟ
ทีมผู้เชี่ยวชาญชาวดัตช์ซึ่งเดินทางไปถึงจุดที่เที่ยวบิน MH17 ตกแล้ว ได้เริ่มเข้าตรวจสอบร่างผู้เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมคราวนี้ โดยนายกรัฐมนตรีอาร์เซนีย์ ยัตเซนยุคของยูเครนกล่าวเมื่อวันจันทร์ (21) ว่า เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินได้พบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 21 ศพ รวมพบแล้ว 272 ศพ จากผู้เสียชีวิต 298 ราย ร่างที่พบใหม่เหล่านี้ถูกส่งไปจัดเก็บรวมกับศพที่พบก่อนหน้านี้ในห้องเย็นบนรถไฟที่จอดอยู่ที่สถานีทอเรซ โดยมีกลุ่มกบฏติดอาวุธเฝ้าอยู่รอบขบวนรถไฟ
อย่างไรก็ดี วิศวกรประจำรถไฟขบวนการดังกล่าวเผยว่า ระบบทำความเย็นของห้องเย็นถูกปิดทำงานเมื่อคืนวันอาทิตย์โดยไม่ทราบสาเหตุ และได้รับการจ่ายไฟสำรองและทำงานอีกครั้งเมื่อเช้าวันจันทร์

แม้มีรายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ของเนเธอร์แลนด์เดินทางถึงทอเรซเมื่อวันจันทร์ และได้เปิดดูห้องเย็นที่เก็บรักษาร่างผู้เสียชีวิตแล้ว ทว่า เจ้าหน้าที่สอบสวนนานาชาติยังไม่สามารถเข้าถึงที่เกิดเหตุจริงในกราโบฟ ที่มีซากความเสียหายกระจายเกลื่อนในอาณาบริเวณหลายกิโลเมตร

ทางด้านนายกรัฐมนตรีมาร์ก รุตต์ ของเนเธอร์แลนด์ ประเทศที่สูญเสียพลเมืองถึง 192 คนพร้อมกับ MH17 แถลงว่า การนำร่างผู้เสียชีวิตกลับบ้านคือเป้าหมายสำคัญอันดับแรก
ขณะที่นายกรัฐมนตรีโทนี แอ็บบอต์ของออสเตรเลียที่มีพลเมือง 28 คนและผู้พำนักอาศัยถาวร 9 คนอยู่บนเที่ยวบิน MH17 ตั้งข้อสังเกตภายหลังหารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียว่า ผู้นำเครมลิน “พูดดีทุกอย่าง แต่สิ่งสำคัญคือการทำอย่างที่พูด”

การเปิดเผยของผู้นำแดนจิงโจ้มีขึ้นขณะที่มีความกังวลมากขึ้นว่า หลักฐาน ซึ่งรวมถึงร่างผู้เสียชีวิตและกล่องดำของเครื่องบิน กำลังถูกปกปิดและถูกบิดเบือน

จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ประณามการกระทำ “วิปลาส” ของ “นักรบแบ่งแยกดินแดนขี้เมา” ที่ถูกกล่าวหาว่า ขนศพขึ้นไปกองบนรถบรรทุกโดยไม่ให้เกียรติ รวมทั้งเคลื่อนย้ายหลักฐานต่างๆ จากที่เกิดเหตุ

ทั้งนี้ วันอาทิตย์ที่ผ่านมา อเมริกานำโดยเคร์รี ได้แสดงสิ่งที่ระบุว่าเป็นหลักฐานอัน “แน่นหนา” ว่า กลุ่มกบฏในยูเครนยิงเครื่องโบอิ้ง 777 ด้วยขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศ “บุค” เอ็ม-1 (Buk M-1) ของรัสเซีย โดยหลักฐานเหล่านั้นรวมถึงคลิปการเคลื่อนย้ายเครื่องยิงจรวดที่จรวดหายไปหนึ่งลูก ออกจากสถานที่ที่เชื่อว่าเป็นจุดยิงกลับไปยังรัสเซียหลังเกิดเหตุไม่ถึง 12 ชั่วโมง ภาพการยิงจรวด บันทึกการติดต่อทางโทรศัพท์จากผู้บัญชาการกลุ่มกบฏคนสำคัญถึงเจ้าหน้าที่ข่าวกรองรัสเซียเพื่อบอกเล่าว่า ได้ยิงเครื่องบินโดยสารลำหนึ่งตก ซึ่งหลักฐานชิ้นสุดท้ายนี้มาจากยูเครนและได้รับการตรวจยืนยันจากสถานเอกอัครราชทูตอเมริกันในกรุงเคียฟแล้ว

ด้วยเหตุนี้ ความกดดันจึงถมทวีเข้าใส่ปูตินให้ควบคุมกลุ่มกบฏและเปิดโอกาสให้นานาชาติเข้าสอบสวนกรณีเครื่องบินตกอย่างเต็มที่

กระนั้น หลังจากที่ในวันอาทิตย์เขาได้รับปากกับผู้นำเนเธอร์แลนด์ ว่าจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เมื่อถึงวันจันทร์ ปูตินได้ออกมาตอบโต้กระแสวิจารณ์โดยกล่าวหา มีคนฉกฉวยสถานการณ์นี้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง

ประมุขเครมลินย้ำว่า รัสเซียทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้ทีมผู้เชี่ยวชาญจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเซียว) ซึ่งเป็นหน่วยงานของสหประชาชาติ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และยังวิจารณ์ทางการเคียฟว่า ปลุกปั่นให้เกิดการปะทะครั้งใหม่กับกลุ่มกบฏโปรรัสเซียที่ควบคุมบริเวณที่เครื่องบินตกอยู่

“เราพูดได้เต็มปากว่า ถ้าการต่อสู้ในยูเครนตะวันออกไม่ปะทุขึ้นอีกเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน โศกนาฏกรรมนี้จะไม่เกิดขึ้น” ปูตินลั่น

นอกจากนี้ อเล็กซานเดอร์ โบโรได ผู้นำกลุ่มกบฏยูเครนตะวันออก ก็ได้ออกมาปฏิเสธว่า นักรบของตนไม่ได้พยายามทำลายหลักฐานในที่เกิดเหตุ และเสริมว่า จะส่งร่างผู้เสียชีวิตให้ทีมผู้เชี่ยวชาญของมาเลเซียที่ล่าสุดอยู่ในกรุงเคียฟ และรอให้ได้รับการรับประกันความปลอดภัยจากกลุ่มกบฏก่อนจึงจะเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ

อย่างไรก็ดี แม้ได้รับการยืนยันจากโบโรได ทางการกรุงเคียฟและฝ่ายตะวันตกก็กล่าวหาว่า เป็นที่ชัดเจนว่ากลุ่มกบฏพยายามแทรกแซงรบกวนการสืบสวนสอบสวน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายตะวันตกสำทับว่า ถ้าเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสามารถเข้าถึงที่เกิดเหตุในเวลาที่สายเกินไป ก็คงทำงานอะไรได้ลำบาก

เคียร์ กิลเลส นักวิชาการจากกลุ่มคลังสมองแชตแทม เฮาส์ ยกตัวอย่างว่า การประกอบส่วนลำตัวและปีกเครื่องบินกลับเข้าไปใหม่ อาจบ่งชี้ว่า ขีปนาวุธประเภทใดที่โจมตีเครื่องบินและโจมตีอย่างไร แต่หากชิ้นส่วนเหล่านั้นถูกเคลื่อนย้าย ก็อาจทำให้ข้อเท็จจริงบิดเบือน
กำลังโหลดความคิดเห็น