เอเอฟพี - บรรดาคู่รักที่ไม่ได้เป็นคนยิว แต่แต่งงานกับ “เกย์หรือเลสเบียน” ชาวอิสราเอลจะสามารถยื่นขอสัญชาติอิสราเอลได้ นับตั้งแต่วันอังคารเป็นต้นไป (12 ส.ค.) ทั้งนี้เป็นการตัดสินใจของกระทรวงมหาดไทยรัฐยิว
คำแถลงของกระทรวงมหาดไทยระบุว่า คู่ครองของบุคคลรักร่วมเพศที่มีสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยการกลับคืน (law of return) และผู้ที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในอิสราเอล มีสิทธิได้รับสัญชาติอิสราเอล โดยคำประกาศนี้จะมีผลต่อคู่รักชาวสีม่วงที่แต่งงานกันแล้วเท่านั้น
ตามกฎหมายว่าด้วย “การกลับคืน” ชาวยิวทุกคนมีสิทธิอันชอบธรรมในการขอสัญชาติ และได้รับสถานะพลเมืองอิสราเอล เมื่ออพยพเข้าไปอยู่ในรัฐยิว
นอกจากนี้ สิทธิดังกล่าวยังครอบคลุมถึงตัวคู่ครองของผู้ยื่นคำขอ โดยก่อนหน้านี้อิสราเอลให้สัญชาติแก่คู่สมรสชายหญิงเท่านั้น
กีเดียน ซาร์ รัฐมนตรีมหาดไทยรัฐยิวระบุในคำแถลงว่า “ตอนนี้อิสราเอลได้เปิดประตูให้ชาวยิวทุกคนและครอบครัว โดยไม่มีการกีดกันหรือเลือกปฏิบัติต่อผู้ที่มีรูปแบบการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกัน”
ทั้งนี้ รัฐยิว ถือเป็นผู้บุกเบิกการส่งเสริมและเคารพสิทธิเพศที่ 3 โดยเฉพาะในเรื่องของการอนุญาตให้คู่รักร่วมเพศสามารถอุปการะบุตรบุญธรรมได้
อย่างไรก็ตาม อิสราเอลไม่มีการแต่งงานตามกฎหมาย เนื่องจากการทำพิธีสมรสนั้นถูกควบคุมโดยคณะรับไบ (นักบวชในศาสนายูดาย) โดยทั้งหมด และนักบวชยังไม่ยอมรับการแต่งงานอยู่กินกันฉันสามีระหว่างบุคคลรักร่วมเพศ
ฝ่ายชาวยิวผู้นับถือนิกาย “อัลตรา-ออโธดอกซ์” ต่างมองว่า การเปลี่ยนแปลงเมื่อล่าสุดนี้ คือความพยายามบ่อนทำลายอำนาจหน้าที่ด้านกฎหมาย ที่อยู่ในกำมือของพวกเขามาเนิ่นนาน นับตั้งแต่ก่อตั้งอิสราเอลเมื่อปี 1948
ส.ส.นิสซิม ซีฟ จากพรรคชาส ระบุในคำแถลงว่า “กระทรวงมหาดไทยได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่ชั่วช้า อุกอาจ และเป็นพฤติการณ์ต่อต้านยิว ทั้งยังเป็นอีกย่างก้าวของการรณรงค์ต่อต้านศาสนายูดายในอิสราเอล”
สำหรับซีฟ ความเคลื่อนไหวนี้ไม่ต่างอะไรไปจาก “การจัดตั้งสถาบันครอบครัวรักร่วมเพศที่อันตรายขึ้นมาในอิสราเอล”