บาทหลวงผู้ติดเชื้ออีโบลารายแรกของยุโรป ถึงฐานทัพอากาศสเปนแล้ว

เอเอฟพี - ผู้สอนศาสนาชาวสเปนที่ติดเชื้อไวรัสร้ายแรง "อีโบลา" ได้มาถึงกรุงมาดริดแล้วในวันนี้ (7 ส.ค.) นับเป็นผู้ป่วยรายแรกที่ถูกนำตัวเข้ามาในยุโรปเพื่อทำการรักษา

กระทรวงกลาโหมสเปน ระบุในข้อความทางทวิตเตอร์ว่า เครื่องบินแอร์บัส A310 ที่มีคุณพ่อ มิเกล ปาคาเรซ บาทหลวงนิกายคาทอลิกวัย 75 ปีโดยสารมา ได้ลงจอดที่ฐานทัพอากาศตอร์เรคอนในสเปน เมื่อเวลา 8.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น (13.15 น. ตามเวลาประเทศไทย)

ฆวน ซิวดัด โอเอ็นจีดี องค์การการกุศลของสเปน ระบุว่า บาทหลวงคนดังกล่าวได้รับการตรวจพบเชื้ออีโบลาที่โรงพยาบาลเซนต์โจเซฟ ในกรุงมันโรเวีย เมืองหลวงของประเทศไลบีเรีย ที่เขาทำงานอยู่

เที่ยวบินของกองทัพเที่ยวนี้ยังได้นำตัว "คูเลียนา โบนัว โบเอ" แม่ชีสเปนที่ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลเดียวกันมาด้วย โดยทางกลาโหมสเปน ระบุว่า ยังไม่รู้ว่าเธอได้รับเชื้ออีโบลาด้วยหรือไม่ แต่ก็ควรนำตัวมาด้วยเพื่อให้การดูแล

ทั้งนี้ อีโบลา จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการไข้สูง ซึ่งในกรณีร้ายแรงจะมีอาการเลือดไหลไม่หยุด โรคนี้สามารถติดต่อกันได้ผ่านทางของเหลวจากร่างกาย ดังนั้นผู้ที่ใช้ชีวิตร่วมกับผู้ป่วยหรือคอยดูแลผู้ป่วยจึงมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อ

องค์การอนามัยโลกระบุว่า นับตั้งแต่มีการระบาดเมื่อช่วงต้นปีนี้ อีโบลาได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 932 ราย และยังมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 1,700 รายทั่วพื้นที่แอฟริกาตะวันตก ซึ่งนอกจากในไลบีเรียแล้ว ยังมีรายงานผู้ติดเชื้อจำนวนมากในกินี เซียร์ราลีโอนและไนจีเรีย

ขณะที่ชาวอเมริกัน 2 รายที่ทำงานให้กับองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือแก่ชาวคริสต์ในไลบีเรีย ก็กลายเป็นผู้ติดเชื้ออีโบลาเช่นกันในระหว่างที่ดูแลผู้ป่วยในกรุงมันโรเวีย และได้ถูกส่งตัวกลับไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อทำการรักษาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

โฆษกของโรงพยาบาลระบุว่า บาทหลวงชาวสเปนรายนี้ ที่ทำงานในไลบีเรียมาเป็นเวลานานกว่า 5 ทศวรรษ และแม่ชีที่ถูกนำตัวมาด้วยกันนั้น ทั้งคู่จะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลการ์โลสที่ 3 ในกรุงมาดริด ที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคระบาดในพื้นที่เขตร้อน

คุณพ่อ มิเกล ปาคาเรซ บอกกับหนังสือพิมพ์เอบีซีของสเปนผ่านทางโทรศัพท์เมื่อวันพุธ (6 ส.ค.) หลังจากที่ได้ทราบว่าจะถูกส่งตัวกลับ ว่าข่าวนี้ทำให้สภาพจิตใจของเขาดีขึ้น เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมและทำให้เขามีความสุขมาก คุ้มค่าที่จะสู้ต่อไป

ก่อนหน้านี้ บาทหลวงชาวสเปนผู้นี้ได้ถูกกักบริเวณไว้ในโรงพยาบาลเซนต์โจเซฟ ที่กรุงมันโรเวีย ร่วมกับผู้สอนศาสนารายอื่นๆ อีก 5 คน นับตั้งแต่มีการเสียชีวิตด้วยโรคอีโบลาของผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งนี้เมื่อวันเสาร์ (2 ส.ค.)

สำหรับผู้สอนศาสนาอีก 2 รายที่ถูกกักบริเวณในโรงพยาบาลเดียวกันกับคุณพ่อปาคาเรซ ได้แก่ "ชานทัล ปาสเคล" จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกและ "ปาซิเอนเซีย เมลกา รอนดา" จากกินี ทั้งคู่ก็ตรวจพบว่าติดเชื้ออีโบลาเช่นกัน

ทั้งนี้ ฆวน ซิวดัด โอเอ็นจีดี องค์กรการกุศลที่จัดตั้งโรงพยาบาลหลายแห่งทั่วโลก ได้ขอให้กระทรวงการต่างประเทศของสเปนส่งเครื่องบินไปรับตัวผู้สอนศาสนาที่ติดเชื้ออีกสองคนดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม เมอร์เซเดส วีนูเอซา อธิบดีกรมโรคติดต่อของสเปน ก็ออกมาระบุว่า ขณะนี้ทางการสเปนจะยังคงให้การดูแลเฉพาะพลเมืองของสเปนเท่านั้น

"สิ่งที่ประเทศของเรากำลังพิจารณาก็คือ การนำชาวสเปนกลับไปทำการรักษาตัว" เธอกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันพุธ (6 ส.ค.)

ระหว่างการให้สัมภาษณ์ที่ออกอากาศเมื่อวันจันทร์ (4 ส.ค.) คุณพ่อปาคาเรซได้บอกว่า เขาและผู้สอนศาสนาคนอื่นๆ ต้องการได้รับการรักษาตัวที่สเปน

"ผมรู้สึกมีไข้ แล้วก็ไม่รู้สึกอยากกินอะไรเลยซักนิด ผมสามารถไปสเปนได้โดยไม่ต้องกินอะไรเลยด้วยซ้ำ ผมรู้สึกปวดมากตรงข้อต่อ จึงจำเป็นต้องมีคนช่วยเวลาเดินทางจากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่ง" เขาบอกกับซีเอ็นเอ็นภาคภาษาสเปน

ทางด้าน เบโกนา มาร์ติน ลูกพี่ลูกน้องของบาทหลวงรายนี้ ก็ได้ออกมาเรียกร้องขอให้รัฐบาลสเปนนำตัวผู้สอนศาสนาชาวแอฟริกันที่ติดเชื้อมารักษาตัวด้วย

"เราหวังว่ารัฐบาลสเปนคงจะไม่ทอดทิ้งพวกเขาไว้ที่นั่น เพราะพวกเราต่างรู้กันดีว่าจะลงเอยเช่นไร มันจะต้องกลายเป็นแบบที่มิเกลบอกเอาไว้นั่นล่ะ ว่าพวกเขาคงจะต้องตาย เราจะปล่อยให้พวกเขาตายแบบนั้นไม่ได้" เธอบอกกับสถานีวิทยุข่าวคาเดนา เซอร์