เอเอฟพี - เหล่าเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจรับผิดชอบของออสเตรเลียแถลงวันนี้ (7 ส.ค.) ว่า ในที่สุดพวกเขาก็สามารถติดต่อชายชาวออสซีที่ว่าจ้างสาวไทยให้อุ้มท้องลูกของตัวเอง ก่อนจะตกเป็นกรณีอื้อฉาวจากกรณีทอดทิ้งทารกเพศชายป่วยเป็นโรคดาวน์ซินโดรมไว้ในไทย และต่อมายังถูกสื่อแฉอีกด้วยว่า เคยต้องโทษคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กมาก่อน ในขณะที่ลูกชายที่เติบโตในออสเตรเลียได้ออกมากล่าวปกป้องว่า พ่อของตนเปลี่ยนไปแล้ว
บรรดาเจ้าหน้าที่คุ้มครองเด็กได้พยายามติดต่อสามีภรรยาชาวแดนจิงโจ้คู่นี้มาตั้งแต่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (5) และแม้ว่าจะตามไปถึงบ้านที่เมืองบันเบอรี ทางตอนใต้ของเมืองเพิร์ธ แต่ก็ยังไม่พบคู่รักคู่นี้
ชายวัย 56 ปีคนนี้ซึ่งอาศัยที่เมืองบันเบอรี ทางตอนใต้ของเมืองเพิร์ธ ได้จุดประกายให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วโลก จากการที่เขาทอดทิ้ง “น้องแกรมมี่” ลูกชายที่ป่วยเป็นโรคดาวน์ซินโดรมไว้ในไทย แต่นำน้องสาวฝาแฝดที่มีสุขภาพแข็งแรงดีกลับไปยังออสเตรเลีย แม้ว่าต่อมาตัวเขาและภรรยาจะออกมาชี้แจงความจริงในอีกแง่มุมหนึ่ง ผ่านหนังสือพิมพ์แดนจิงโจ้ก็ตาม
ต่อมา เครือข่าวสถานีโทรทัศน์เอบีซีของทางการออสเตรเลียเปิดเผยว่า ในช่วงทศวรรษที่ 1990 เขาเคยถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเด็กทั้งสิ้น 22 กระทง ซึ่งเด็กหญิงที่ตกเป็นเหยื่อบางคนมีอายุเพียง 7 ขวบเท่านั้น
ในสัปดาห์นี้ ออสเตรเลียได้เปิดฉากการสืบสวนชายผู้นี้ เพื่อพิจารณาว่าการปล่อยให้น้องสาวฝาแฝดของแกรมมี่อยู่กับเขาจะปลอดภัยและดีต่อตัวเด็กหรือไม่ ทว่าก็ยังหาพ่อและแม่เด็กไม่พบ
อย่างไรก็ตาม เฮเลน มอร์ตัน รัฐมนตรีกระทรวงคุ้มครองเด็ก รัฐเวิสเทิร์นออสเตรเลียระบุว่า ตอนนี้กระทรวงของเธอสามารถติดต่อพ่อแม่ทางพันธุกรรมของเด็กแฝด ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ สืบเนื่องจากเหตุผลทางกฎหมาย
มอร์ตันไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการพูดคุยกับสองสามีภรรยา หรือสวัสดิภาพของเด็กหญิง และกล่าวว่าจะไม่มีการแสดงความคิดเห็นใดๆ ไปมากกว่านี้ เนื่องจากอยู่ระหว่างขั้นตอนการสืบสวน
เธอกล่าวว่า “เราคิดว่าครอบครัวนี้ควรได้รับการเคารพสิทธิส่วนบุคคล และเก็บรายละเอียดในการพูดคุยไว้เป็นความลับ”
ทางด้าน ภัทรมน จันทร์บัว หญิงไทยซึ่งรับอุ้มท้องลูกของสองสามีภรรยาชาวออสเตรเลียคู่นี้ กล่าวว่ารู้สึกตกตะลึงที่ทราบข่าวว่า พ่อทางพันธุกรรมของเด็กเคยต้องโทษคดีล่วงละเมิดทางเพศ และพร้อมจะนำน้องสาวฝาแฝดวัย 7 เดือนของน้องแกมมีกลับมา หากข้อกล่าวหาเหล่านั้นเป็นจริง
ทั้งนี้ พ่อของน้องแกรมมี่ยังมีลูก 3 คนซึ่งโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว โดยลูกชายคนหนึ่งของเขายืนกรานว่า พ่อของเขาเปลี่ยนไป หลังจากได้ชดใช้ความผิดในคุกจากคดีล่วงละเมิดทางเพศ
ลูกชายคนนี้ของเขาซึ่งไม่ประสงค์จะเอ่ยนามได้ยืนยันกับสำนักข่าวแฟร์แฟกซ์ว่า “ผมบอกได้เลยว่า พ่อผมเป็นพ่อที่ดีขนาดไหน เขาน่าทึ่ง เขาพยายามอบรมสั่งสอนให้เราทุกคนโตขึ้นมาเป็นคนดีที่สุด”
“พ่อเพิ่งเจอเรื่องน่าหนักใจ พ่ออาจเคยทำผิดพลาด แต่เราก็ยอมรับในตัวพ่อ... เขาได้ชดใช้ความผิดที่ก่อแล้ว”
“ถ้าจะให้พูดกันจริงๆ การรื้อฟื้นเรื่องในอดีตทั้งหมด ค่อนข้างเป็นเรื่องน่าเจ็บปวดใจ”
ทั้งนี้ ภัทรมนกล่าวว่า เธอตกลงจะรับอุ้มบุญลูกของชายชาวออสเตรเลียผู้นี้ ซึ่งปฏิสนธิในไข่ที่ได้รับบริจาคจากหญิงไทย โดยเธอได้รับค่าจ้างราว 14,900 ดอลลาร์สหรัฐ (4.79 แสนบาท)
คลินิกที่รับทำอุ้มบุญซึ่งเธอไม่ขอเปิดเผยชื่อเนื่องจากเหตุผลทางกฎหมายได้ทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างภัทรมนกับคู่รักชาวออสเตรเลีย
เธออ้างว่า ทันทีที่ผลตรวจชี้ว่าทารกเพศชายเป็นดาวน์ซินโดรม คลินิกแห่งนี้ก็บอกเธอว่า พ่อแม่ทางพันธุกรรมของเด็กต้องการให้เธอทำแท้ง ซึ่งผิดกฎหมายไทย แต่เธอก็ปฏิเสธไป
สองสามีภรรยาชาวออสซีได้โต้แย้งคำพูดของเธอ โดยระบุว่า พวกเขาได้รับแจ้งว่าแกมมีเป็นโรคหัวใจแต่กำเนิด แต่ไม่ทราบว่าเป็นโรคดาวน์ซินโดรม และสาเหตุที่ทิ้งน้องแกมมีไว้ในไทย ก็เพราะแพทย์บอกพวกเขาว่าน้องจะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณวันเดียว