รอยเตอร์/เอพี/เอเอฟพี - สื่อนอกประเทศรายงานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของไทยขู่ดำเนินคดีทางกฎหมายกับหญิงสาววัย 21 ปีที่กลายเป็นแก่นกลางแห่งการโต้เถียงทั่วโลกต่อกรณีอุ้มบุญ เมื่อกล่าวอ้างว่าสองสามีภรรยาชาวออสเตรเลียที่ว่าจ้างอุ้มท้องทอดทิ้งหลังทราบว่าเด็กมีอาการดาวน์ซินโดรม ขณะที่หัวหน้าคลินิกที่ดำเนินการผสมเทียมก็มีสิทธิต้องโทษเช่นกัน
สำนักข่าวเอพีระบุว่า คำขู่ดังกล่าวมีออกมาขณะที่กระทรวงสาธารณสุขของไทยเปิดเผยว่ากำลังร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ ในการปราบปรามสถานพยาบาลและคลินิกต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับการอุ้มบุญเชิงพาณิชย์ ที่ทางกระทรวงระบุว่าเป็นเรื่อง “ผิดกฎหมาย”
ในขณะเดียวกัน ทางสำนักข่าวรอยเตอร์ก็อ้างคำสัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ไทยซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามรายหนึ่งบอกว่าบางทีคลินิกในกรุงเทพฯ ที่ผสมเทียมสามีภรรยาชาวออสเตรเลีย อาจละเมิดกฎหมายอุ้มบุญของไทย หลังจากคุณแม่อุ้มบุญชาวไทยให้กำเนิดทารกแผดและหนึ่งในนั้นมีอาการดาวน์ซินโดรมและยังป่วยเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ขณะที่ผู้ว่าจ้างรับเฉพาะฝาแฝดของ “น้องแกรมมี่” ที่เป็นเพศหญิงและแข็งแรงสมบูรณ์กลับรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย
รอยเตอร์รายงานต่อว่า เจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า ทางการได้เข้าตรวจค้นคลินิกดังกล่าวในวันอังคาร (5) และมีความเป็นไปได้ว่าหัวหน้าคลินิกอาจต้องโทษสูงสุดจำคุก 1 ปี และปรับเงินอีก 20,000 บาท หากพบว่ามีการละเมิดกฎหมายอุ้มบุญของไทย
เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวบอกกับรอยเตอร์ต่อว่า การอุ้มบุญเชิงพาณิชย์ขัดต่อประมวลจรรยาบรรณของแพทยสภา โดยการอุ้มบุญจะได้รับอนุญาตก็ต่อเมื่อหญิงอุ้มบุญต้องเป็นญาติทางสายเลือดกับคู่สมรสเท่านั้น แต่ก็มีที่ได้รับการอนุญาตเป็นพิเศษในกรณีที่ไม่สามารถแม่อุ้มบุญที่เหมาะสมได้
ในส่วนของเอพีรายงานว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขของไทยกำลังพิจารณาตั้งข้อหาแก่แม่อุ้มบุญ น.ส.ภัทรมน จันทร์บัว ผู้มีอาชีพขายอาหารที่ศรีราชา โดยทางกระทรวงอ้างว่า น.ส.ภัทรมน รับเงินค่าจ้างอุ้มบุญ เป็นเงิน 15,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 480,000 บาท) ซึ่งเป็นประเด็นถกเถียงในกฎหมายค้ามนุษย์ของไทย
เดวิดและเวนดี ฟาร์เนลล์ สองสามีภรรยาจากบันบิวรี ทางตะวันตกของออสเตรเลีย ปฏิเสธคำกล่าวหาที่พวกเขาพวกเขาทอดทิ้งน้องแกรมมี่และรับเฉพาะฝาแฝดเพศหญิงที่มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์กลับไปยังออสเตรเลีย พร้อมตอบโต้ว่า น.ส.ภัทรมน ว่าชักจูงโลกให้เข้าใจผิดๆ ว่าพวกเขาทอดทิ้งน้องแกรมมี่
อย่างไรก็ตาม ในวันอังคาร (5) น.ส.ภัทรมนให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี ปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้ “ฉันไม่เคยโกหกหรือปกปิดอะไร ความจริงก็คือความจริง มันขึ้นอยู่กับสังคมที่ต้องตัดสินด้วยตนเอง”
เอพีระบุว่าเบื้องต้นคู่รักออสเตรเลีย ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ไนน์ เน็ตเวิร์ก บอกว่าไม่รู้ว่าพวกเขาได้ลูกแฝด แต่ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (5) ทั้งสองคนกลับยอมรับว่ามีบุตรอีกคนที่ป่วยเป็นโรคหัวใจพิการและไม่คิดว่าจะยังมีชีวิตอยู่
เวลานี้น้องแกรมมี่ วัย 7 เดือน กำลังรักษาอาการโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง และทางโฆษกของโรงพยาบาลเปิดเผยว่าเด็กได้รับการดูแลเป็นพิเศษและอยู่ในมือที่ปลอดภัยแล้ว