เอเอฟพี - ชาวไลบีเรียปิดกั้นถนนสายหลักๆ ทั่วเมืองหลวงของประเทศในวันจันทร์ (4 ส.ค.) เพื่อประท้วงต่อต้านกรณีที่ศพผู้ติดเชื้ออีโบลาถูกทิ้งไว้ตามบ้านและถนนนานหลายวัน ขณะที่ประธานาธิบดีเซียร์ราลีโอนเรียกร้องประชาชนสามัคคีร่วมกันสู้ไวรัสมรณะในยามที่ประเทศต้องเผชิญวิกฤตหน้าสิ่วหน้าขวาน พร้อมประกาศให้ผู้คนงดออกจากบ้าน
ไลบีเรีย กินี และเซียร์ราลีโอน คือ 3 ชาติแอฟริกาตะวันตกที่กำลังตะเกียกตะกายยับยั้งการแพร่ระบาดของอีโบลา ซึ่งเวลานี้พบผู้ติดเชื้อแล้ว 1,440 ราย และเสียชีวิต 826 คนทั่วภูมิภาค นับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา
“ไม่อนุญาตให้รถยนต์คันไหนผ่านถนนเส้นนี้ จนกว่ารัฐบาลจะเข้ามาเก็บศพที่เรียงรายอยู่ในบ้านเรือนชาวบ้านมานานกว่า 4 วันแล้ว” คามารา โฟฟานา ผู้ประท้วงวัย 56 ปี บอกกับเอเอฟพีจากย่านเดาอาลา แถบชานเมืองทางตะวันตกของกรุงมันโรเวีย
ประธานาธิบดีเอลเลน จอห์นสัน เซอร์ลีฟ แถลงเมื่อสัปดาห์ที่ สั่งปิดโรงเรียนและให้ข้าราชการในหน่วยงานที่ไม่มีความจำเป็นหยุดงานเป็นเวลา 30 วัน ในความพยายามจำกัดการแพร่ระบาดของไวรัสมรณะชนิดนี้ที่คร่าชีวิตประชาชนในไลบีเรีย 227 คน
“ชุมชนนี้มีคนตาย 4 คน รัฐบาลเอาแต่บอกว่าเราไม่ควรแตะต้องศพ ไม่มีใครนำศพไปฝัง เราโทร.เข้าไปยังสายด่วนของกระทรวงสาธารณสุข แต่ก็เปล่าประโยชน์” โฟฟานากล่าว ส่วนผู้ประท้วงอีกคนบอกว่า “ตอนนี้มีศพอยู่ในบ้านนานกว่า 5 วันแล้ว ทางเดียวที่เราจะเรียกความสนใจของรัฐบาลก็คือปิดถนน นี่คือสิ่งที่เราสามารถทำได้”
ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานจากเมืองหลวงของไลบีเรียระบุว่า การปิดถนนสายหลักเริ่มต้นขึ้นครั้งแรกเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสามารถพบเห็นได้ตามย่านต่างๆของกรุงมันโรเวีย
ชาวบ้านในไลบีเรียได้รับแนะนำให้โทรศัพท์ไปยังหมายเลขฉุกเฉินสำหรับแจ้งเก็บศพผู้เสียชีวิต ขณะที่ทหารถูกส่งเข้าปฏิบัติการตามท้องถนนสายต่างๆ เพื่อให้พื้นที่ปราศจากร่างไร้วิญญาณ อย่างไรก็ตาม หลายคนคร่ำครวญว่าด้วยขีดความสามารถที่มีอย่างจำกัดของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ซึ่งทำให้ศพตกค้างอยู่ตามท้องถนนและบ้านเรือนต่างๆเป็นเวลาหลายวัน
กระนั้นทางรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้คำมั่นว่ารัฐบาลจะดำเนินอย่างสุดความสามารถในการเก็บศพให้เร็วที่สุด “ช่วงสุดสัปดาห์เราฝังศพหมู่ชาวบ้าน 30 ศพนอกเมือง รัฐบาลซื้อที่ดินจากพลเมืองรายหนึ่งและที่ดินตรงนั้นจะถูกใช้สำหรับฝังศพ” เขากล่าว
ด้านเซียร์ราลีโอนอีกหนึ่งชาติที่กำลังเผชิญกับวิกฤตอีโบลา ทางประธานาธิบดีเออร์เนสต์ ไบ โคโรมา เรียกร้องประชาชนร่วมกันต่อสู้กับไวรัสชนิดนี้ ด้วยเตือนว่าแก่นแท้ของประเทศกำลังตกอยู่ในความเสี่ยง พร้อมเรียกร้องทุกครอบครัวรายงานผู้ติดเชื้อแก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และขอทุกคนรับผิดชอบเพิ่มความตระหนักรู้เกี่ยวกับเชื้อไวรัสมรณะนี้
“นี่คือการต่อสู้ของส่วนรวม แก่นแท้ของประเทศกำลังตกอยู่ในความเสี่ยง” เขากล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ เนื่องในวัน “อยู่แต่ในบ้าน” หนึ่งในมาตรการตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของอีโบลาของรัฐบาล
เซียร์ราลีโอน นับเป็นชาติที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสมรณะอีโบลาหนักหน่วงที่สุด ด้วยมีผู้ติดเชื้อ 574 ราย ในนั้นเสียชีวิตแล้ว 252 คน นับตั้งแต่มันแพร่ระบาดมาจากกินี ชาติเพื่อนบ้านในเดือนพฤษภาคม “เรากำหนดให้มีวันนี้ขึ้นมา เพราะเราเชื่อว่า ในฐานะประเทศแล้ว ครอบครัวคือกุญแจสำคัญของเราในการต่อสู้กับโรคระบาดนี้” ประธานาธิบดีโคโรมากล่าว
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีโคโรมาได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ก่อนหน้าประชุมซัมมิมระดับภูมิภาคซึ่งมีกินี ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอนเข้าร่วม ซึ่งที่ประชุมเห็นพ้องจัดตั้งเขตกักกันข้ามพรมแดนบริเวณศูนย์กลางการแพร่ระบาดของอีโลบาครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์โลก
ท้องถนนในกรุงฟรีทาวน์ กลายสภาพเป็นความว่างเปล่าในวันจันทร์ (4) ด้วยประชาชนปฏิบัติตามคำประกาศ “วันอยู่แต่ในบ้าน” ของรัฐบาล ที่กำหนดขึ้นมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้หายใจหายคอและจัดระบบใหม่ในการต่อสู้เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสมรณะชนิดนี้ “ฟรีทาวน์ เงียบยังกับป่าช้า” เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรายหนึ่งบอกกับเอเอฟพี
บาร์ ร้านอาหารและตลาดต่างๆ ล้วนปิดบริการ พบเห็นรถยนต์ไม่กี่คันที่ยังแล่นอยู่ในเมืองหลวง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นรถของกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยฉุกเฉินที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ขณะที่ตำรวจนอกเครื่องแบบคอยตรวจตราชาวบ้านไม่กี่คนที่เดินอยู่บนท้องถนน สอบถามถึงจุดหมายปลายทางและจากนั้นก็ส่งตัวพวกเขากลับบ้าน
ในส่วนของหน่วยงานราชการต่างๆ ก็ไม่เปิดต้อนรับประชาชนทั่วไป โดยแนะนำให้ชาวบ้านสอบถามทางโทรศัพท์แทนการเดินทางมาติดต่อธุระด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังมีการแจกใบปลิวถึงอันตรายที่เกี่ยวข้องกับอีโบลาและวิธีการต่อสู้กับโรคระบาดนี้แก่เหล่าผู้คนที่ออกมาจับจ่ายซื้อสินค้าด้วย