เอเอฟพี - กองทัพเลบานอนเปิดเผยในวันนี้ (3 ส.ค.) ว่ามีทหาร 8 ราย เสียชีวิตจากเหตุปะทะกับกลุ่มติดอาวุธบริเวณชายแดนซีเรีย หลังจากควบคุมตัวชายผู้ต้องสงสัยว่าเป็นนักรบญิฮัดชาวซีเรียเอาไว้
การปะทะกันครั้งนี้เกิดขึ้นบริเวณแนวชายแดนในเขตอาร์ซาล ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของเลบานอน โดยกลุ่มมือปืนเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงเข้าใส่ทหารเลบานอนและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในช่วงบ่ายของวันเสาร์ (2 ส.ค.) หลังจากที่มีการควบคุมตัว "อิหมัด อาเหม็ด จูมา" ชาวซีเรียรายหนึ่ง ซึ่งทางกองทัพระบุว่า เป็นสมาชิกของกลุ่มอัล-นูลซารา ฟรอนต์ ที่เป็นเครือข่ายของกลุ่มอัลกออิดะห์ในซีเรีย
การสู้รบครั้งนี้ยังดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงในช่วงเช้าวันอาทิตย์ (3 ส.ค.) โดยทางกองทัพระบุในคำแถลงว่า หน่วยทหารของกองทัพยังคงปฏิบัติภารกิจอยู่ในพื้นที่อาร์ซาลตลอดทั้งคืนจนถึงช่วงเช้า เพื่อตามค้นหาและปราบปรามกลุ่มติดอาวุธเหล่านั้น ซึ่งในระหว่างการต่อสู้ มีทหารของกองทัพเสียชีวิตไป 8 ราย พร้อมกับมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง
กองทัพเลบานอนระบุว่า ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ทหารได้สู้รบกับกลุ่มติดอาวุธที่ยิงกระสุนปืนครก โจมตีเข้าไปในเขตอาร์ซาลและพื้นที่โดยรอบ ทางตะวันออกของเลบานอน
มีรายงานว่า พลเรือนเสียชีวิต 2 ราย จากการบุกโจมตีเข้าใส่สถานีตำรวจของกลุ่มติดอาวุธ นอกจากนี้สื่อท้องถิ่นยังระบุด้วยว่า บรรดากลุ่มติดอาวุธได้จับตำรวจจำนวนหนึ่งไว้เป็นตัวประกันอีกด้วย แต่ยังไม่มีการยืนยันจากทางการในขณะนี้
ก่อนหน้านี้ กองทัพระบุว่า มีทหาร 2 รายถูกพวกกลุ่มติดอาวุธจับตัวไปเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทางกองทัพจะช่วยพวกเขาออกมาได้
กองทัพเลบานอนได้ประกาศเตือนว่า สถานการณ์กำลังตึงเครียด พร้อมกับให้คำมั่นว่าจะดำเนินการกับเหตุคราวนี้อย่างหนักแน่นและเด็ดขาด โดยจะไม่ยอมให้กองกำลังของกลุ่มใดนำเอาความรุนแรงจากซีเรียเข้ามาในเลบานอน และจะไม่ยอมนิ่งเฉยปล่อยให้กองกำลังต่างชาติเปลี่ยนเลบานอนให้กลายเป็นดินแดนอาชญากรรมและการก่อการร้าย รวมถึงการฆาตกรรมและการลักพาตัว
ความรุนแรงที่ทำท่าขยายตัวเข้าสู่เลบานอนคราวนี้ ได้ทำให้เกิดความกังวลทั้งในประเทศและในระดับสากล โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้ทุกกลุ่มเคารพนโยบายของเลบานอนที่ไม่ต้องการจะข้องเกี่ยวกับการสู้รบในซีเรีย
เจน ซากี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐอเมริกาขอประณามการโจมตีครั้งนี้ พร้อมกับรับปากว่า สหรัฐฯ จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่แก่เลบานอน
ด้านนายกรัฐมนตรีเลบานอน "ตัมมัม ซาลัม" ก็ออกมาประณามการโจมตีในพื้นที่เขตอาร์ซาล โดยระบุว่า เหตุครั้งนี้เห็นได้ชัดว่ามุ่งเป้าโจมตีประเทศและกองทัพเลบานอน ดังนั้นทางรัฐบาลก็จะรับมือกับเรื่องนี้อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งขอให้บรรดากลุ่มพลังทางการเมืองทุกฝ่าย แสดงท่าทีอย่างชาญฉลาด รวมถึงแสดงความรับผิดชอบและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องเลบานอนให้พ้นจากอันตรายรอบด้าน
ทั้งนี้ กองทัพเลบานอน ได้จัดสรรกำลังทหาร ซึ่งรวมถึงเฮลิคอปเตอร์อีก 2 ลำเพิ่มเข้าไปยังพื้นที่เขตอาร์ซาล เพื่อรับมือกับเหตุการณ์รุนแรง
ปัจจุบัน เขตอาร์ซาลมีผู้ลี้ภัยชาวซีเรียหลายหมื่นคนอาศัยอยู่ และมักจะมีเหตุขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงเลบานอนอยู่บ่อยครั้ง
นอกจากนี้ กองทัพซีเรียยังโจมตีทางอากาศและยิงปืนใหญ่เข้าใส่เขตอาร์ซาล โดยระบุว่า มุ่งเป้าการโจมตีไปที่กลุ่มกบฏที่ปักหลักกันอยู่แถวเทือกเขาที่ล้อมรอบเมืองอาร์ซาล
ความตึงเครียดในพื้นที่ดังกล่าวได้พุ่งพรวดสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงก่อนหน้าของปีนี้ ด้วยการไหลทะลักเข้ามาของบรรดาผู้ลี้ภัยและพวกนักรบ หลังจากที่ทางกองทัพซีเรียซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยสมาชิกของกลุ่มเฮซบอลเลาะห์ ได้เข้ายึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของแคว้นกาลามุน ที่อยู่อีกฟากของชายแดนกับเขตอาร์ซาล
แต่ถึงแม้ทางการซีเรียเข้ายึดพื้นที่ส่วนใหญ่ของแคว้นกาลามุน ก็ยังคงมีที่มั่นเล็กๆ ของกองกำลังของฝ่ายต่อต้าน รวมทั้งนักรบญิฮัดกลุ่มอัล-นูซารา และของกลุ่ม "รัฐอิสลาม" หลงเหลืออยู่ในละแวกนั้น
ข้อมูลของกลุ่มเอ็นจีโอที่เฝ้าสังเกตการณ์ ซึ่งตั้งฐานอยู่ในอังกฤษและเอียงข้างฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ระบุว่า บรรดานักรบญิฮัดได้ปะทะกันอย่างรุนแรงกับทหารซีเรียในแคว้นกาลามุนในคืนวันศุกร์ (1 ส.ค.) ทำให้บรรดานักรบเสียชีวิตอย่างน้อย 50 ราย
มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 170,000 รายแล้ว นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์สู้รบในซีเรียที่เริ่มขึ้นในเดือนมีนาคม 2011 และความรุนแรงก็กำลังทำท่ากระจายตัวไปประเทศเพื่อนบ้านอย่างเลบานอน ที่ตอนนี้ต้องคอยรับมือกับผู้ลี้ภัยชาวซีเรียมากกว่า 1 ล้านราย
