เอเจนซีส์ - กองทัพยูเครนเมื่อวันจันทร์ (28 ก.ค.) ได้รุกโจมตีหนักจนสามารถเข้าควบคุมส่วนหนึ่งของบริเวณที่เที่ยวบิน MH17 ถูกยิงตกเอาไว้แล้ว ทั้งนี้ตามคำแถลงของฝ่ายกบฏและการยืนยันของฝ่ายรัฐบาล โดยที่การปะทะดุเดือดเช่นนี้เองทำให้ตำรวจดัตช์-ออสซี ต้องยกเลิกการลงพื้นที่เครื่องบินโดยสารมาเลเซียตกอีกครั้ง ขณะเดียวกัน อเมริกาเผยแพร่สิ่งที่ระบุว่าเป็นภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นรัสเซียยิงจรวดโจมตียูเครน แต่ทางด้านมอสโกยืนกระต่ายขาเดียวปฏิเสธเช่นเดิม
หลังจากที่เนเธอร์แลนด์มีการหารือจัดเตรียมกองกำลังติดอาวุธร่วมกับออสเตรเลีย เพื่อเข้าทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณซึ่งเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777 ในเที่ยวบิน MH17 ของมาเลเซีย แอร์ไลน์ถูกยิงตกมานานสิบกว่าวันแล้ว แต่ในวันอาทิตย์ (27) นายกรัฐมนตรีมาร์ก รัตต์ ของเนเธอร์แลนด์ ประเทศที่สูญเสียพลเมืองไปกับเที่ยวบินนี้มากที่สุดคือ 193 ราย ก็ตัดสินใจยกเลิกแผนการนี้เนื่องจากเกรงว่า จะถูกดึงเข้าสู่สถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครน
ต่อมาในวันจันทร์ (28) คณะผู้แทนนานาชาติซึ่งประกอบด้วยตำรวจและผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์จากออสเตรเลีย และเนเธอร์แลนด์ ก็ต้องหยุดชะงักที่เมืองชัคห์ตาร์สก์ ห่างจากพื้นที่เกิดเหตุที่ยังมีชิ้นส่วนศพเน่าเปื่อยตกค้างอยู่ ราว 10 กิโลเมตร เนื่องจากมีการโจมตีกันหนักหน่วงในหลายเมืองที่อยู่ใกล้เคียง
ความพยายามของคณะผู้แทนกลุ่มนี้ได้ถูกยกเลิกมาครั้งหนึ่งเมื่อวันอาทิตย์ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยเช่นเดียวกัน
ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ลงพื้นที่เกิดเหตุเพื่อการสืบสวนสอบสวนเป็นระยะสั้นๆ เท่านั้น แม้ก่อนหน้านี้กองทัพกรุงเคียฟและกลุ่มแบ่งแยกดินแดนโปรรัสเซีย ได้ประกาศหยุดยิงทันทีในบริเวณที่เกิดเหตุก็ตาม
ในวันจันทร์ ฝ่ายกบฏระบุว่า การสู้รบดุเดือดขึ้นมาในช่วงนี้ เนื่องจากกองทัพกรุงเคียฟบุกหนักเพื่อเข้าควบคุมพื้นที่จำนวนมากในบริเวณใกล้ๆ จุดเครื่องบินตก และปรากฏว่ากองทัพยูเครนได้แถลงยืนยันว่า ทหารของฝ่ายตนได้สู้รบเพื่อยึดเมืองต่างๆ หลายแห่งรอบๆ สถานที่ MH 17 ถูกสอยลงมา รวมทั้งเมืองชัคห์ตาร์สก์
ยูเครนนั้นกล่าวหากลุ่มกบฏเรื่อยมาว่า พยายามทำลายหลักฐานเพื่อปกปิดความผิดของตัวเองในการยิง MH17 ร่วงด้วยขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานของรัสเซีย
ในวันจันทร์ อังเดร ลีเซนโก โฆษกด้านความมั่นคงของยูเครนอ้างว่า ข้อมูลจากกล่องดำส่วนที่เป็นเครื่องบันทึกข้อมูลการบิน ซึ่งขณะนี้ส่งไปให้ผู้เชี่ยวชาญในอังกฤษตรวจสอบแล้วนั้น แสดงให้เห็นว่า เครื่องบินของมาเลเซีย แอร์ไลน์ตกเนื่องจากการสูญเสียแรงดันจำนวนมาก ภายหลังถูกยิงพรุนจากขีปนาวุธ
นอกจากนั้นในวันอาทิตย์ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียมที่อ้างว่ายืนยันข้อกล่าวอ้างก่อนหน้านี้ของวอชิงตันที่ว่า มีจรวดยิงจากรัสเซียเข้าสู่ยูเครนตะวันออกระหว่างวันที่ 21-26 ที่ผ่านมา หรือหลังจาก MH17 ถูกยิงตก รวมทั้งมีการขนถ่ายอาวุธหนักข้ามพรมแดนไปให้กบฏโปรรัสเซียในยูเครน
ทว่า ในวันจันทร์ เซียร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศแดนหมีขาว ได้แถลงปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และย้อนว่า เหตุใดอเมริกาใช้เวลาถึง 10 วันกว่าจะเผยแพร่ภาพเหล่านั้น
อย่างไรก็ดี มีการมองกันว่าความเคลื่อนไหวของวอชิงตันครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อโน้มน้าวให้สหภาพยุโรป (อียู) เพิ่มบทลงโทษรัสเซีย โดยขณะนี้อียูกำลังร่างมาตรการลงโทษที่มีเป้าหมายที่ภาคเศรษฐกิจ ซึ่งครอบคลุมถึงการคว่ำบาตรอาวุธ และคาดว่าจะประกาศรายชื่อบุคคลและนิติบุคคลที่จะถูกแซงก์ชันเพิ่มเติมในวันอังคาร (29)
นอกจากนั้น หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ฉบับวันอาทิตย์ยังรายงานว่า เจ้าหน้าที่กลาโหมและข่าวกรองของสหรัฐฯ กำลังวางแผนการเพื่อปูทางให้คณะรัฐบาลโอบามา สามารถส่งข้อมูลชี้เป้าขีปนาวุธชนิดจากพื้นดินสู่อากาศของกบฏโปรรัสเซีย เพื่อให้กองทัพยูเครนถล่มเป้าหมายเหล่านั้น
ในอีกด้านหนึ่ง สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ออกรายงานในวันจันทร์ระบุว่า การลุกฮือต่อต้านรัฐบาลของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนโปรรัสเซียในยูเครนตะวันออกระหว่างกลางเดือนเมษายนจนถึงวันที่ 26 เดือนนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,129 ราย ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 3,442 คน และพลัดถิ่นฐานบ้านเรือนราว 230,000 คน ขณะที่องค์การกาชาดสากลก็ระบุว่า ยูเครนกำลังอยู่ในสงครามกลางเมือง ซึ่งหมายถึงสถานการณ์ที่ฝ่ายต่างๆ ที่สร้างความขัดแย้ง สามารถถูกดำเนินคดีตามความผิดฐานเป็นอาชญากรสงครามได้