ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯตัดสิน “โทษประหารชีวิตของรัฐแคลิฟอร์เนีย” ขัดรัฐธรรมนูญ

เอเจนซีส์/เอพี - โทษประหารของรัฐแคลิฟอร์เนียได้ถูกพิพากษาว่าขัดรัฐธรรมนูญสหรัฐฯเมื่อวานนี้(16) คอร์แมค คาร์นี (Cormac Carney) ผู้พิพากษารัฐบาลกลางสหรัฐฯของศาลแขวง ได้ให้คำอธิบายประกอบว่า ความล่าช้ามากว่า 25 ปีในการตัดสินโทษประหารชีวิตหรืออุทธรณ์ และมีการดำเนินการลงโทษจริงเพียงจำนวนเล็กน้อย ทำให้ระบบยุติธรรมของรัฐแคลิฟอร์ขาดเหตุผล และไม่มีความแน่นอน ซึ่งไม่สามารถทำให้กระบวนการยุติธรรมบรรลุเจตนารมณ์ตามกฏหมาย

คำตัดสินในวันพุธ(16)ของคอร์แมค คาร์นี (Cormac Carney) ผู้พิพากษารัฐบาลกลางสหรัฐฯในศาลแขวง รัฐแคลิฟอร์เนีย ส่งผลเพียงคดีเดียว และยังไม่มีผลกระทบทันทีไปทั่วรัฐแคลิฟอร์เนียที่ได้หยุดโทษประหารชีวิตจากผลของคำพิพากษาของศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯนับตั้งแต่ปี 2006 จากปัญหาที่พบมากมายในกระบวนการลงโทษประหารด้วยฉีดยาพิษเข้าเส้น

“การลงโทษประหารชีวิต” ในรัฐบลูสเตทแห่งนี้ที่แท้จริงคือ “จำคุกตลอดชีวิต” และมีความเป็นไปได้น้อยมากที่นักโทษจะถูกลงโทษประหารชีวิตจริง คอร์แมค คาร์นี (Cormac Carney) ผู้พิพากษาแขวงของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ กล่าว

“ความล่าช้าและการเลื่อนโทษประหารออกไปโดยไม่จำเป็นถือว่าขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐฯใน "eighth amendment" ที่ห้ามการลงโทษที่ทารุณ และผิดปกติ ” ผู้พิพากษาคาร์นี ที่ได้รับการแต่งตั้งในสมัยประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอร์จ ดับเบิลยู บุช ในปี 2003อธิบาย

และผู้พิพากษาคาร์นีกล่าวต่อว่า มีนักโทษมากกว่า 40% ของจำนวนนักโทษทั้งหมดในปัจจุบัน รอคอยการประหารชีวิตมานานกว่า 19 ปี รวมถึงเออร์เนส ดิวเวน โจนส์ (Ernest Dewayne Jones) ที่ถูกตัดสินให้รับโทษประหารชีวิตในปี 1995 จากการข่มขืนและฆ่าจูเลีย มิลเลอร์ (Julia Miller)นักบัญชีวัย 50ปีในออเรนจ์ เคาน์ตี ซึ่งทนายความของโจนส์ได้ขอยื่นอุทธรณ์ต่อคำสั่งประหารชีวิต และทำให้ผู้พิพากษาคาร์นีตัดสินว่า การปล่อยให้โจนส์ต้องใช้เวลายาวนานในการรับโทษขั้นประหารชีวิตถือว่าขัดรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ และสั่งให้โทษการประหารชีวิตของโจนส์เป็นโมฆะ

เอพีรายงานว่า รัฐแคลิฟอร์เนียมีจำนวนนักโทษรอการประหารชีวิตมากที่สุดในสหรัฐฯ ด้วยจำนวนตัวเลขนักโทษประหารชีวิต 748คน ที่มีผู้ถูกประหารไปแล้วเพียง 13 คน นับตั้งแต่ปี 1992 เป็นต้นมา

“ความล่าช้าอย่างไม่มีเหตุผล และไม่สามารถคาดเดาในระบบโทษประหารชีวิตของรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นผลทำให้มีผู้ได้รับโทษตัดสินด้วยความตายจริง มีเพียงเพียงเล็กน้อยจากทั้งหมดหลายร้อยคน” ผู้พิพากษาคาร์นีแถลงผ่านคำพิพากษา “นอกจากนี้ ในระบบการลงโทษของรัฐแคลิฟอร์เนีย ปัจจัยนอกเหนืออื่นๆถูกใช้เพื่อประเมินว่าที่จะตัดสินว่านักโทษรายนั้นควรหรือไม่ที่จะได้รับโทษประหารชีวิตจริง มากกว่าที่จะใช้ปัจจัยทางกฎหมาย เช่น ลักษณะความผิดที่นักโทษได้กระทำ หรือ เวลาที่ได้ลงมือกระทำผิด”

นอกเหนือจากนี้ ผู้พิพากษาคาร์นีได้ให้ข้อสังเกตว่า “จากจำนวนนักโทษประหารชีวิตทั้งหมดกว่า 900 คน นับตั้งแต่มีมติเห็นชอบผ่านกฎหมายประหารชีวิตฉบับที่ใช้ปัจจุบันในปี 1978 พบว่ามี 93 คนเสียชีวิตจากโรคร้าย ฆ่าตัวตาย หรือจากสาเหตุอื่นมากกว่าที่จะเสียชีวิตบนโต๊ะประหาร และมีอีก 39 รายรอดจากการประหารชีวิตเพราะได้รับการลดหย่อนโทษจากศาลอื่น”

อย่างไรก็ตาม บีบีซีรายงานวันนี้(17)ว่า คำสั่งของผู้พิพากษาคาร์นีสามารถพลิกได้ที่ชั้นอุทธรณ์ของศาลแขวง

ด้าน ลารา บาซีลอน (Lara Bazelon) แห่ง “โครงการเพื่อเหยื่อถูกขังฟรี” ของคณะกฎหมายมหาวิทยาลัยโลโยลา ได้ออกรณรงค์ “หยื่อผู้คุมขังที่ถูกจับกุมโดยไม่ได้กระทำผิด” ได้เรียกคำพิพากษาของคาร์นีว่า “เป็นจุดผกผัน”

และถ้าหากคำสั่งของผู้พิพากษาคานีถูกอุทธรณ์สำเร็จในชั้นศาลอุทธรณ์ จะสามารถยุติโทษประหารชีวิตในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งโทษประหารชีวิตได้รับการโหวตให้มีผลบังคับใช้ถึง 3 ครั้งในปี 1972 ปี 1978 และปี 2012 ที่คะแนนชนะเฉียดฉิว พบว่ามีเสียงสนับสนุน 48% ต้องการให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีการคุมประพฤติชั่วคราวแทนการประหาร

และบาซีลอนกล่าวว่า การโหวตพวกนั้นไม่ทำอะไรให้ดีขึ้นมา “นี่เป็นมติของผู้สิทธิออกเสียงในรัฐแคลิฟอร์เนีย และคาร์นีเป็นผู้พิพากษารัฐบาลสหรัฐฯ และกำลังตีความกฎหมายรัฐบาลกลางสหรัฐฯอยู่ ซึ่งถือว่าคำพิพากษานี้อยู่เหนือเจตนารมณ์ของประชาชน”

แต่ศาลสูงสามารถยื่นมือเข้ามาแทรกแซงได้ และกลับคำพิพากษาใดๆที่ออกมาจากศาลแขวงอุทธรณ์ที่ 9

คำพิพากษาล่าสุดนี้ออกมาหลังจากคำพิพากษาอื่นๆของผู้พิพากษารัฐบาลกลางสหรัฐฯในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่พบว่ากระบวนการลงโทษประหารชีวิตโดยการฉีดยาพิษต้องได้รับการยกเครื่องใหม่ทั้งหมด เพราะมีความเสี่ยงสูงที่นักโทษจะได้รับความทรมานด้วยความเจ็บปวดอย่างมากในช่วงนาทีประหารชีวิต

การฉีดยาพิษเข้าเส้นเลือดในนักโทษประหารชีวิตตกเป็นข่าวฉาวไปทั่วโลกหลังจากนักโทษในรัฐโอกลาโฮมาต้องทรมานถึง 43 นาทีจนกระทั่งหัวใจหยุดเต้นในระหว่างกระบวนการ ที่ทำให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ต้องให้เปิดการสอบสวนถึงปัญหาในกระบวนการประหารชีวิตของนักโทษรายนี้

ทั้งนี้สหรัฐฯมีปัญหามากในไม่กี่ปีมานี้ที่ไม่สามารถจัดซื้อตัวยาที่ผลิตโดยบริษัทยาในยุโรปเพื่อปลิดชีวิตนักโทษ จากคำสั่งห้ามของสหภาพยุโรป