เอเจนซีส์– ปฏิบัติการกู้ซากเรือสำราญ กอสตา กอนกอร์เดีย ซึ่งประสบอุบัติเหตุอับปางลงนอกชายฝั่งแคว้นทัสกานีของอิตาลีเมื่อ 2 ปีก่อน เดินหน้าไปอีกขั้นในวันนี้(14) โดยคาดว่าเรือจะกลับมาลอยลำได้อีกครั้งภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
นิต สโลแอน ผู้เชี่ยวชาญด้านการกู้เรือจม ยอมรับว่า รู้สึก “กังวลเล็กน้อย” ขณะออกไปยืนควบคุมปฏิบัติการกู้เรือสำราญขนาดใหญ่มหึมาซึ่งจมอยู่ในน้ำทะเลมานานถึง 2 ปีครึ่ง หลังแล่นเกยหินโสโครกที่เกาะจิกลิโอ แคว้นทัสกานี เมื่อต้นปี 2012 จนทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตรวม 32 ศพ
สื่อมวลชนจากหลายประเทศต่างไปปักหลักรอที่ท่าเรือเพื่อชมการทำงานสุดท้าทายของ สโลแอน ซึ่งเป็นชาวแอฟริกาใต้ที่ตระเวนกู้ซากเรือมาแล้วทั่วโลก
ทั้งนี้ คาดว่าเรือสำราญ กอสตา กอนกอร์เดีย ความยาว 290 เมตร จะกลับมาลอยลำได้อีกครั้งภายใน 6-7 วันข้างหน้า จากนั้นจะถูกลากไปยังท่าเรือเมืองเฌนัวทางตอนเหนือของอิตาลีเพื่อทำลายทิ้งในช่วงสิ้นเดือนนี้
เรือสำราญขนาดใหญ่ซึ่งมีระวางขับน้ำ 114,500 ตันจะถูกยกสูงขึ้นประมาณ 2 เมตรจากแท่นจำลองซึ่งมันถูกวางเอาไว้ หลังถูกดึงให้ตั้งตรงตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่กังวลว่าปฏิบัติการกู้เรืออาจต้องล่าช้าออกไปเนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย แต่ปรากฏว่าเช้ามืดวันนี้(14) ฝนเริ่มซา เรือลากจูงจึงสามารถนำนักประดาน้ำและวิศวกรออกไปยังซากเรือเพื่อเตรียมให้ความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน
เจ้าหน้าที่จะปั๊มลมใส่ถังพยุงเรือจำนวน 30 ถังที่ผูกติดอยู่กับกราบเรือทั้ง 2 ข้างเพื่อไล่น้ำที่ขังอยู่ภายในตัวเรือออก จากนั้นจึงค่อยๆ ยกเรือขึ้นมา และลากออกไปจากชายฝั่ง โดยมีเหล็กเส้น 36 เส้นและโซ่อีก 56 เส้นผูกถังพยุงเรือให้อยู่กับที่
“ปัญหาก็คือ เรืออาจจะงอในขณะที่เราดึงมันขึ้นมา หรือไม่โซ่ที่ผูกเอาไว้ใต้ลำเรือก็อาจจะขาด” สโลแอน ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี
“เราจะส่งพนักงานขึ้นไปบนเรือ 42 คนสำหรับความพยายามครั้งแรก แต่ถ้ามีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น เราจะอพยพพวกเขาออกมาทันที”
ปฏิบัติการในขั้นตอนนี้คาดว่าจะกินเวลาประมาณ 6 ชั่วโมง
สำหรับขั้นตอนในการทำให้เรือลอยได้อีกครั้งจะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 17-19 กรกฎาคมนี้ โดยจะมีการปั๊มลมเข้าไปในถังพยุงเพื่อยกเรือขึ้นมา จากนั้นเจ้าหน้าที่จะนำเศษซากอุปกรณ์ต่างๆ ออกจากเรือ และตรวจสอบว่าเรือได้รับความเสียหายในเชิงโครงสร้างมากน้อยเพียงใด
เมื่อกระบวนการตรวจสอบเสร็จสมบูรณ์ เรือ กอสตา กอนกอร์เดีย จะถูกลากออกไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเพื่อการเดินทางเที่ยวสุดท้ายของมัน
น่านน้ำบริเวณนี้ถือเป็นเขตอนุรักษ์ทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป โดยเป็นถิ่นอาศัยของโลมาและวาฬหลายชนิด
นักสิ่งแวดล้อมเตือนว่า น้ำมันเชื้อเพลิงที่รั่วไหลออกมาระหว่างที่เรือถูกยกขึ้นจากน้ำและลากจูงออกไปจากพื้นที่ อาจสร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศ
กอสตา กอนกอร์เดีย ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเรือไททานิกถึง 2 เท่า เคยเป็นดั่งสวรรค์ลอยน้ำที่มีพร้อมทั้งความบันเทิงและห้องออกกำลังกายไว้บริการผู้โดยสารกระเป๋าหนัก บนเรือยังมีสระว่ายน้ำถึง 4 สระ และสปาบนเรือขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
มันประสบอุบัติเหตุเกยหินโสโครกที่นอกชายฝั่งเกาะจิกลิโอเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 13 มกราคม ปี 2012 ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือ 4,229 คนจาก 70 ประเทศต้องอพยพหนีตายกันจ้าละหวั่น บางรายถึงกับต้องกระโดดลงทะเล เนื่องจากรอกสำหรับชักลากเรือชูชีพพัง